เรียนอาจารย์และทีมงาน
มีเรื่องขอปรึกษาตามหัวข้อข้างต้น ค้นหาในฎีกาเก่าๆก็ยังไม่ตรงกับเรื่องของผมเท่าไหร่
- ปี 2541 ผมกู้ซื้อบ้านและผ่อนมาถึงปัจจุบัน มีการรีไฟแนนซ์บ้าง เงินเดือนประจำตอนนั้นประมาณ 60000บาท ตอนนี้120000บาท ค่าผ่อนบ้านประมาณ 15000-20000 ต่อเดือน
- ปี 2542 ผมรู้จักนาง ก ซึ่งทำงานเป็นข้าราชการ เงินเดือนตอนนั้นประมาณ 6000บาท ตอนนี้20000บาท
- ปี 2543 ผมกับนาง ก แต่งงานและจดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 2 คนระหว่างสมรส
- ปี 2548 ผมกับนาง ก จดทะเบียนหย่าร้างโดยต่างฝ่ายได้ลงบันทึกขอสละสิทธิ์ในสินสมรสที่มี หลังจากนั้นแยกกันอยู่สักพักแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีกโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างที่อยู่ด้วยกันต่างฝ่ายก็ยังคงทำงานประจำเช่นเดิมมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง โดยค่าผ่อนบ้านผมยังคงจ่ายด้วยตัวผมเองจากเงินเดือน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุตรและค่าใช้จ่ายในบ้านส่วนใหญ่ผมรับผิดชอบ อีกอย่างนาง ก ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านเนื่องด้วยภาระงานส่วนตัว แม่ของผมดูแลงานบ้านและบุตรทั้งสองโดยผมให้ค่าตอบแทนแกทุกเดือน
- ปี 2554 นาง ก กู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่งภายใต้โครงการของที่ทำงานโดยผมก็ไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงว่าจะเอาไปทำอะไร และผมก็ไม่ได้เซ็นอะไรในสัญญากู้เงินนั้น
- ปี 2562เดือนมิถุนายน มีหมายศาลให้นาง ก ชำระหนี้แก่ธนาคารทั้งหมดเนื่องจากขาดส่งเป็นระยะเวลาหนึ่ง (เข้าใจว่าในกรณีที่นาง ก ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารจะทำการสืบทรัพย์ของนาง ก ซึ่งหมายถึงบ้านที่ผ่อนอยู่นี้และนำไปสู่การอายัดและขายทอดตลาดด้วยเห็นว่าเป็นทรัพย์สินที่หามาได้ร่วมกัน)
เรื่องข้อปรึกษา
1. บ้านที่ผมผ่อนอยู่ถือเป็นทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันกับนาง ก หรือไม่
2. วิธีพิสูจน์ว่าผมผ่อนบ้านด้วยเงินของตนเองเป็นอย่างไร
3. ถ้าศาลเห็นว่านาง ก มีกรรมสิทธฺิร่วมในบ้าน จะได้ครึ่งหนึ่งหรือควรคิดตามสัดส่วนรายได้
4. ระยะเวลาตั้งแต่พิสูจน์ทรัพย์จนถึงการอายัดประมาณกี่เดือน ผมมีโอกาสให้การกับศาลตอนไหนได้บ้าง
5. ถ้านาง ก จะทำหนังสือแสดงเจตนารมณ์ว่าขอสละสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เข้าข่ายหามาได้ร่วมกัน(ถ้ามี) จะมีผลอย่างไร
ขอบคุณครับ