งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
คดีเกี่ยวกับเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4054/2550
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากใช้เช็คฯ
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 2
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการเช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
3757/2547 และคดีอาญาหมายเลขดำที่ 4225/2547 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้ง 2 ให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 2
รับว่าบุคคลเดียวกับจำเลยในคดที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
คำพิพากษาศาลฎีกา
ตามพ.ร.บ.
ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มาตรา 7 บัญญัติว่า ?ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา
4 ได้ใช้เงินตามเช็คแก่ผู้ทรงเช็ค
หรือแก่ธนาคารภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือบอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่า
ธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หรือหนี้ที่ผู้กระทำผิดตามมาตรา 4
ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ให้ถือว่าคดีเลิกกันตาม ป.วิ.อ.?
แม้จำเลยทั้ง
2 จะได้ใช้เงินตามเช็คแก่โจทย์ร่วมไปครบถ้วนแล้ว ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
แต่มิใช่การใช้เงินตามเช็คแก่ผู้ทรงเช็ค
ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือบอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้เช็คเงินนั้น
อันเป็นเหตุให้ถือว่าคดีเลิกตามกัน ป.วิ.อ.
เหตุที่จะถือว่าคดีเลิกกันคงมีเพียงว่าหนี้ที่จำเลยทั้งสองได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดหรือไม่
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยทั้งสองยื่นคำแถลงว่า
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยทั้งสองได้นำเงินตามเช็คพิพาทวางไว้ต่อศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว
แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทั้งสองชำระแต่ต้นเงินตามเช็คพิพาทเท่านั้น
จำเลยทั้งสองยังไม่แสดงหลักฐานว่าได้ชำระดอกเบี้ยตามเช็คพิพาทด้วย
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทย์จึงยังไม่ระงับระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น
โจทย์ร่วมได้นำเช็คพิพาททั้งสามฉบับคดีนี้กับเช็คคดีอื่น ฟ้องจำเลยที่ 1
คดีนี้เป็นคดีแพ่งต่อศาลแพ่งธนบุรี
คดีดังกล่าวโจทก์ได้บังคับคดีและได้รับเงินตามคำพิพากษาไปครบถ้วนแล้ว
หนี้ตามเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลฎีกาได้นัดพร้อมสอบโจทก์ โจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองแล้ว
ฟังได้ว่าโจทก์ร่วมได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาลแพ่งธนบุรีให้ชำระหนี้ตามเช็ค 5 ฉบับ
ซึ่งรวมเช็คพิพาทคดีนี้ 3 ฉบับ โดยมูลหนี้จำเลยที่ 1
ทำสัญญาเช่าพื้นที่บริเวณที่เป็นผนังด้านนอกอาคาร บ.
ของโจทก์ร่วมศาลแพ่งธนบุรีพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามเช็คทั้ง 5 ฉบับ
พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม
ต่อมามีการบังคับคดีจำเลยที่
1 ได้วางเงินชำระหนี้ตามหมายบังคับคดีจนครบถ้วนแล้ว
โจทก์ร่วมก็มิได้คัดค้านว่ายังมีหนี้ดังกล่าวเหลืออยู่ ดังนั้น
จึงถือได้ว่าหนี้ที่จำเลยทั้งสองได้ออกเช็คพิพาทคดีนี้เพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด
จึงถือว่าคดีเลิกกัน พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดการใช้ฯ มาตรา 7 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องตามเช็คย่อมระงับไปตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 39 (3)
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534
มาตรา 4ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมี
ลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น
(2) ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้
(3) ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ใน
ขณะที่ออกเช็คนั้น
(4) ถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คจน
จำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้
(5) ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต
เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย
ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้
เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 7 ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 4 ได้ใช้เงินตามเช็คแก่ผู้ทรงเช็คหรือ
แก่ธนาคารภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือบอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น
หรือหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๔ ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. 2477
มาตรา 39 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปดั่งต่อไปนี้
(1) โดยความตายของผู้กระทำผิด
(2) ในคดีความผิดต่อส่วนตัว
เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์ ถอนฟ้องหรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
(3) เมื่อคดีเลิกกันตามมาตรา ๓๗
(4)
เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง
(5) เมื่อมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทำผิดยกเลิกความผิดเช่นนั้น
(6) เมื่อคดีขาดอายุความ
(7) เมื่อมีกฎหมายยกเว้นโทษ
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือคำพิพากษาศาลฎีกา
พ.ศ. 2550 เล่น 9
บริการสำนักงานศาลยุติธรรม