รวบแล้ว'แฟนเก่าโหด'จับหัวโขกพื้นปูน 'ครูฟิตเนสสาว'ก้านสมองตาย
จากข่าวผู้ต้องหาได้มีเหตุทะเลาะวิวาท ผู้ต้องหายอมรับว่าเมื่อได้เอามือทุบศรีษะ จนผู้เสียหายล้มลงและได้จับศรีษะฟาดพื้นปูไปหลายครั้งจนแน่นิ่งไป การกระทำของผู้ต้องหาที่จับศรีษะฟาดลงพื้นหลายครั้ง ทั้งที่รู้ว่าศรีษะเป็นส่วนที่สำคัญ อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ การกระทำดังกล่าวขอผู้ต้องหาจึงมีเจตนาฆ่า และเมื่อทางการแพทย์วินิจฉัยว่าก้านสมองตาย จึงถือเป็นการตายของบุคคล จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
(ที่มา https://www.dailynews.co.th)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4200/2559
คงมีปัญหาวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่จำเลยที่ 1 และที่ 4 แพทย์ผู้ร่วมกันผ่าตัดเอาไตทั้ง 2 ข้าง และตับออกจากร่างกายของนางสาวลัดดา และจำเลยที่ 1 และที่ 2 แพทย์ผู้ร่วมกันผ่าตัดเอาไตทั้ง 2 ข้าง ออกจากร่างกายของนางนางซึ่งอยู่ในสภาวะสมองตายตามประกาศแพทยสภา เรื่อง เกณฑ์การวินิจฉัยสมองตายเพื่อนำเอาอวัยวะนั้นไปทำการปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่บุคคลอื่นเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 บัญญัติว่า ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษ...ตามบทบัญญัติดังกล่าว ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นมีองค์ประกอบความผิดประการหนึ่ง คือ ฆ่า คำว่า "ฆ่า" เป็นข้อเท็จจริงซึ่งรู้กันอยู่ทั่วไปว่าหมายถึงการกระทำด้วยประการใดๆ ให้คนตาย แต่ประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้กำหนดบทนิยามคำว่า "ตาย" ไว้ว่ามีความหมายอย่างไร และไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดนิยามความตายให้ชัดแจ้ง เมื่อตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 กำหนดให้แพทย์เป็นผู้ออกหนังสือรับรองการตาย ดังนั้น การวินิจฉัยการตายจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องให้แพทย์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วินิจฉัย โดยที่งานของแพทย์นั้นมีลักษณะเป็นวิชาชีพ จึงเป็นงานที่ต้องมีกรอบขนบธรรมเนียมและจรรยาบรรณของหมู่คณะโดยเฉพาะ และเป็นการใช้ความรู้ในวิทยาการเฉพาะด้านที่ผู้อื่นไม่อาจรู้ได้ทั้งหมด อีกทั้งมีวิวัฒนาการในด้านการรักษาและวิทยาการเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การประกอบวิชาชีพเวชกรรมจึงมีกฎหมายควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพนี้เป็นพิเศษและมีการสอดส่องดูแลโดยบุคคลในวิชาชีพเดียวกันเพื่อให้การประกอบวิชาชีพเป็นไปโดยถูกต้อง ตามกรอบมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 กำหนดให้แพทยสภาควบคุมการประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพื่อให้การประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมถูกต้องตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม มีอำนาจหน้าที่รับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม รวมทั้งออกข้อบังคับว่าด้วยการกำหนดโรคหรือไม่เป็นโรคที่กำหนดไว้ในข้อบังคับแพทยสภา ขณะเกิดเหตุ วิทยาศาสตร์การแพทย์ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะในผู้ป่วยที่มีปัญหาการสูญเสียหน้าที่การทำงานของอวัยวะหรือมีความล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ตับ ไต เป็นต้น มีความก้าวหน้าจนสามารถเอาอวัยวะจากผู้ที่ถึงแก่ความตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่นำไปปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่ผู้ป่วยได้ การปลูกถ่ายอวัยวะเป็นกระบวนการที่แพทย์ต้องกระทำการผ่าตัดร่างกายแล้วนำอวัยวะออกจากร่างกายบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งที่ป่วยและมีความต้องการที่จะรักษา ทำให้ผู้ที่ได้รับอวัยวะรอดชีวิต ในการนี้ได้มีประกาศแพทยสภาเรื่อง เกณฑ์การวินิจฉัยสมองตาย พ.ศ.2532 และประกาศแพทยสภา เรื่อง เกณฑ์การวินิจฉัยสมองตาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2539 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการวินิจฉัยสมองตายมีสาระสำคัญว่า การวินิจฉัยคนตายโดยอาศัยเกณฑ์สมองตายนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องนำไปใช้โดยเฉพาะกับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะสำคัญของมนุษย์ และอาจนำไปใช้ในกรณีอื่นๆ ในอนาคตเพื่อความเจริญก้าวหน้าทางวิชาชีพและเพื่อประโยชน์ของประชาชน บุคคลซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าสมองตายถือว่าบุคคลนั้นถึงแก่ความตาย สมองตายหมายถึง การที่แกนสมองถูกทำลายจนสิ้นสุดการทำงานโดยสิ้นเชิงตลอดไป แพทย์เป็นผู้มีหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยและตัดสินการตายของสมองตามเกณฑ์ของวิชาชีพ ดังนั้น เมื่อแพทย์ได้ใช้วิธีการที่ได้รับการยอมรับในการสรุปว่าคนไข้นั้นถึงแก่ความตายแล้ว บุคคลผู้อยู่ในสภาวะสมองตาย คือ การที่แกนสมองถูกทำลายจนสิ้นสุดการทำงานโดยสิ้นเชิงตลอดไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการวินิจฉัยสมองตายที่คณะกรรมการแพทยสภากำหนดและออกเป็นประกาศแพทยสภาตามประกาศแพทยสภาดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการตายของบุคคล การที่จำเลยที่ 1 และที่ 4 แพทย์ผู้ร่วมกันผ่าตัดเอาไตทั้ง 2 ข้าง และตับออกจากร่างกายของนางสาวลัดดาและจำเลยที่ 1 และที่ 2 แพทย์ผู้ร่วมกันผ่าตัดเอาไตทั้ง 2 ข้าง ออกจากร่างกายของนางนางซึ่งอยู่ในสภาวะสมองตายตามประกาศแพทยสภา เรื่อง เกณฑ์การวินิจฉัยสมองตาย เพื่อนำเอาอวัยวะนั้นไปทำการปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่บุคคลอื่น จึงเป็นการกระทำต่อบุคคลที่ตายแล้วไม่มีสภาพเป็นบุคคลที่จะถูกฆ่าได้อีก ไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาและพิพากษายกฟ้องนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี