เจ้ามือหวยใต้ดินรายใหญ่ ติดคุกสถานเดียว
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2561 ศาลแขวงอุดรธานีได้มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจในฐานความผิดเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้สลากกินรวบ (หวยใต้ดิน) โดยผิดกฎหมาย โดยศาลเห็นว่าจำเลยเป็นเจ้ามือรายใหญ่ไม่ใช่เจ้ามือรายย่อย พิจารณาจากจำนวนเงินที่มีการซื้อขายสลากกินรวบในแต่ละงวดนับล้านบาท จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อผู้เล่นหรือลูกค้าแทงหวยใต้ดินและถูกเจ้ามือโกง ไม่สามารถทวงถามหนี้กันได้ เพราะการพนันไม่ก่อให้เกิดหนี้ ปัจจุบันลูกค้าที่แทงหวยใต้ดินไม่กลัวติดคุก ทั้งที่การเล่นสลากกินรวบมีความผิดตามกฎหมายการพนัน โดยผู้แทงหวยใต้ดิน ยอมไปแจ้งพนักงานสอบสวนว่าตัวเองเล่นการพนันสลากกินรวบเพื่อเอาผิดเจ้ามือหวยใต้ดิน ตัวเองเป็นผู้เล่น ส่วนใหญ่ศาลจะปรับประมาณ 1,000 บาท ไม่มีโทษจำคุก ส่วนเจ้ามือหวยใต้ดินตามแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผ่านมา ศาลจำคุกทุกคดี รวมทั้งคดีที่เป็นข่าว การปราบปรามหวยใต้ดิน โดยคนแทงหวยยอมไปพบพนักงานสอบสวนและซัดทอดเจ้ามือหวย น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดครับ ในการปราบปรามการพนัน ตัวอย่างตัวบทกฎหมายและคำพิพากษาเกี่ยวกับหนี้การพนัน มีดังหนี้
คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาฎีกาที่ 4882/2550
จำเลยไปหาผู้เสียหายโดยมีเจตนาเพื่อทวงหนี้ที่ผู้เสียหายค้างชำระ โดยก่อนเกิดเหตุจำเลยพยายามยกถังแก๊สที่ผู้เสียหายใช้หุงต้มในการขายก๋วยเตี๋ยวไปเพื่อการชำระหนี้ แต่จำเลยเอาไปไม่ได้เพราะสามีผู้เสียหายไม่ยอมให้เอาไป ต่อมาจำเลยกับผู้เสียหายก็โต้เถียงกันอีกเรื่องที่ผู้เสียหายไม่ชำระหนี้ให้จำเลย ทำให้จำเลยโกรธแค้นจึงเข้ากระชากสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายและเอาสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไปครึ่งเส้น แม้เพื่อชดเชยที่ผู้เสียหายไม่ยอมชำระหนี้ แต่การบังคับชำระหนี้ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย มิใช่กระชากสร้อยคอทองคำครึ่งเส้นของผู้เสียหายไปโดยพลการ ทั้งมูลหนี้ที่จำเลยมาทวงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายเบิกความว่าเกิดจากหนี้การพนันหวยใต้ดิน ซึ่งจำเลยก็มิได้โต้แย้ง จึงเป็นมูลหนี้ที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ย่อมไม่ก่อให้เกิดหนี้ที่ผู้เสียหายพึงชำระและแม้จำเลยเบิกความว่าเป็นหนี้เงินยืม จำเลยก็รับว่าที่ผู้เสียหายไม่ยอมชำระหนี้ดังกล่าว ก็เพราะไม่มีลายมือชื่อของผู้เสียหาย หนี้กู้ยืมเงิน 2,000 บาท ของผู้เสียหายจึงไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ยืม จำเลยย่อมฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ กรณีจึงไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยจะฟ้องร้องบังคับคดีต่อผู้เสียหายได้ด้วย ดังนั้น การกระชากสร้อยคอครึ่งเส้นของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นการเอาไปโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม ป.อ.มาตรา 336
คำพิพากษาฎีกาที่ 2572/2540
แม้โพยสลากกินรวบเป็นภาพถ่ายจากเครื่องถ่ายเอกสารไม่ใช่ต้นฉบับ แต่ภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวเป็นบันทึกความจำเกี่ยวกับการเล่นการพนันสลากกินรวบมีจำนวนถึง656 แผ่นและมีลักษณะเหมือนเป็นโพยสลากกินรวบที่คนเดินโพยหรือเจ้ามือเป็นผู้ทำเพื่อส่งต่อให้เจ้ามือเหนือขึ้นไปอีกทอดหนึ่งจึงต้องถ่ายสำเนาเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้จะรับฟังเป็นพยานเอกสารไม่ได้ แต่ก็ฟังได้ว่าเป็นพยานวัตถุเกี่ยวแก่การเล่นการพนัน แม้โพยสลากกินรวบจะลงวันที่ 20 มีนาคม 2537 โดยไม่มีฉบับใดลงวันที่ 1 เมษายน2537 ก็ตาม แต่การเล่นการพนันสลากกินรวบครั้งเกิดเหตุนี้เจ้ามือผู้รับกินรับใช้ถือเอาผลการออกสลากกินแบ่งของรัฐบาลประจำงวดวันที่ 1 เมษายน 2537 เป็นเลขถูกสลากกินรวบและลูกค้าผู้เข้าเล่นจะได้รับสินพนัน ดังนั้น การที่มีผู้แทงหรือผู้เข้าเล่นล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวันจึงเป็นเรื่องปกติวิสัยหาเป็นเรื่องน่าระแวงสงสัยแต่อย่างใด
แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นภริยาจำเลยที่ 3 แต่จำเลยที่ 1 ก็เปิดร้านเสริมสวยซึ่งเป็นธุรกิจของตนเองอยู่คนละชั้นกับจำเลยที่ 3 แยกเป็นสัดส่วนต่างหากจากกัน และการที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ขณะถูกจับอยู่อาคารเดียวกันแต่คนละชั้นกันจะถือว่าจำเลยที่ 1 ถูกจับในที่เกิดเหตุไม่ได้ กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3
แม้จำเลยที่ 3 จะฎีกาว่าการเล่นการพนันสลากกินรวบ จะต้องมีบุคคลตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป ประกอบด้วยผู้เข้าเล่นกับเจ้ามือรับกินรับใช้หรือผู้เดินโพย จึงจะถือว่าเป็นการเล่นการพนันสลากกินรวบได้ และในการจับโพยสลากกินรวบได้ที่จำเลยที่ 3 ก็ไม่มีบุคคลที่จะเป็นผู้เข้าเล่นด้วยก็ตาม แต่เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่า ส่วนพวกที่หลบหนีเป็นผู้เข้าร่วมเล่น แสดงว่าผู้จัดให้มีการเล่นและผู้เข้าเล่นอยู่ห่างกันโดยระยะทาง จึงไม่สามารถจับกุมได้ถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 ครบองค์ประกอบความผิดแล้ว
แม้จำเลยที่ 3 มีอาชีพเป็นหลักแหล่งและไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนก็ตาม แต่จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าสำนักและเจ้ามือสลากกินรวบ ยอดจำนวนเงินที่ปรากฏในการเล่นสลากกินรวบมีจำนวนมากถึง 4,801,152 บาท แสดงว่าจำเลยที่ 2 เป็นเจ้ามือรายใหญ่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งการพนันสลากกินรวบเป็นสิ่งมอมเมาและเป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของบ้านเมือง การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษ
คำพิพากษาฎีกาที่ 52/2530
การพนันสลากกินรวบเป็นการพนันที่มอมเมาประชาชน เป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง ต้องกำราบปราบปรามมิให้มีการเล่นหรือให้ลดน้อยลง จำเลยเป็นเจ้ามือรายใหญ่ตามสมุดจดสลากกินรวบของกลางปรากฏว่ามีการเล่นการพนันกันถึงหลายแสนบาท ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำเลยนั้นชอบแล้ว
การเป็นเจ้ามือสลากกินรวบหรือหวยใต้ดิน ถ้าเป็นเจ้ามือรายใหญ่ติดคุกทุกคดี เพราะเป็นการมอมเมาประชาชน ใครที่เป็นเจ้ามือ หยุดเสียก่อนที่จะต้องเข้าไปอยู่ในคุก