เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2560 ที่ผ่านมาดิฉันได้รับหนังสือบอกกล่าว แจ้งให้ไปชำระหนี้ จำนวน 100,000 บาท จากทนายของเจ้าหนี้นอกระบบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนทีดิฉันเคยไปกู้เงินนอกระบบมาในคราวนั้น 30,000 บาท ราวปี 2546 (รักษาหลานที่ป่วยมะเร็ง) โดยเจ้าหนี้นั้นได้หักดอกร้อยละ 10 บาทไว้แล้วล่วงหน้า และดิฉันกับเพื่อนต้องนำเงินชำระเป็นรายสัปดาห์ มากบ้างน้อยบ้าง ด้วยเจ้าหนี้อ้างว่าปล่อยเงินรายวันในตลาด ซึ่งได้มากกว่าที่ให้ดิฉันกู้ หลังจากนั้นดิฉันก็ได้ชำระดอกเบี้ยรายเดือน จนระยะหลังดิฉันก็ค้างดอกบ้างและจ่ายเป็น 2 เดือนครั้งหรือไม่ก็เจ้าหนี้มาขอทีกับดิฉันอยู่ที่ทำงานเพื่อเป็นค่าน้ำมัน ฯลฯ และในบางเวลาก็ให้ดิฉันขึ้นรถไปเพื่อไปทำเอกสารไปส่งไปรษณีย์ (บังคับให้ออกไปนอกที่ทำงานด้วย)
- อยู่มาวันหนึ่งเค้ามาที่สำนักงานของดิฉัน แล้วก็เอาบัตรประชาชนดิฉันไป ให้ดิฉันทำสัญญาเงินกู้
โดยบังคับให้เขียนยอดในสัญญา เป็นเงิน 100,000 บาท ถ้าหากดิฉันไม่ทำตามนั้นเค้าจะฟ้องผู้บังคับบัญชา
จะร้องเรียน ดิฉันจึงจำใจต้องเขียนลงในสัญญาเงินกู้นั้น โดยไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ย แต่ตัวเจ้าหน้าก็ยังทวงถามในอัตราร้อยละ 10 เช่นเดิม นั้นคือหลายปีผ่านมาแล้ว เค้ามาที่สำนักงานเค้าก็มาขอเงินสดไป ให้โอนมั่งแต่ก็ไม่เคยมีใบเสร็จหรืออะไรให้เราสักอย่าง
- ในช่วงระหว่างปีที่ผ่านมา แม่ดิฉันเร่ิมป่วยความจำเสื่อม เดินไม่ได้ ภาระเลยตกอยู่ที่ดิฉัน ที่ต้องดูแลค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังโอนชำระเงินให้เค้าอย่างเป็นประจำทุกเดือน มากบ้าง น้อยบ้าง
- จนได้รับหนังสือบอกกล่าว โดยในนั้นระบุทุกอย่างเหมือนเค้าทำถูกต้อง แต่สาบานได้เลยว่าไม่เคยได้รับเงินเป็นแสนเหมือนที่เค้าอ้าง และไม่ได้เพิกเฉย และดอกไม่ใช่ร้อยละ 15 ต่อปีแน่นอน
- ถ้าแบบนี้ มีการฟ้อง เราสามารถสู้ได้มั๊ยคะ แล้วเจ้าหน้าที่จะฟ้องเราเค้าจะทำยังไงกับเราบ้าง คือดิฉันไม่มีความคิดจะโกงหรอกค่ะแต่ที่เค้าบังคับในตัวสัญญามันมากเกินจริง อีกอย่างเงิน 30,000 บาทที่ไปกู้มามันตั้งแต่ปี 2546 ด้วยซ้ำ คิดว่าจำนวนเงินที่จ่ายเค้าไปมันท่วมต้นด้วยซ้ำ
----- ขอคำปรึกษาด้วยค่ะว่าจะทำไงดี...ขอบคุณค่ะ