เรียนปรึกษาข้อกฏหมายเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทครับ เมื่อ ๘ ม.ค.๖๒ กระผมได้โทรศัพท์ไปยังผู้บังคับบัญชาของชายคนหนึ่งที่เป็นหลานเขยของกระผมว่านอกใจภรรยาซึ่งเป็นหลานหรือไม่ เนื่องจากหลานจับได้ว่าฝ่ายชายมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยผู้บังคับบัญชาก็เล่าเห็ตุการณ์ให้ฟังหมดว่าฝ่ายชายไปคบกับผู้หญิงคนอื่นไปไหนต่อไหนด้วยกันสองต่อสองทั้งเวลากลางวันกลางคืน ซึ่งหลานก็ได้อัดคลิ๊เสียงการสนทนาของผมและผู้บังคับบัญชาไว้ในโทรศัพท์เครื่องของหลาน ต่อมาเมื่อ ๒๖ ม.ค.๖๒ ฝ่ายสามีได้มาที่ทำงานของภรรยาตอนเลิกงานแล้วมาแย่งเอาโทรศัพท์พร้อมกับเหวี่ยงฝ่ายหญิงล้มกระแทกพื้นแล้วขับรถกลับบ้านที่ทำงานฝ่ายชายไปดดยไม่ได้มาดูฝ่ายหญิงเลยว่าจะเป็นอย่างไร ใน๒๖ ม.ค.๖๒ ฝ่ายชายได้ไปลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้มาแย่งเอาโทรศัพท์กับฝ่ายหญิงไป พร้อมนำคลิปเสียงการสนทนาระหว่างผมกับผู้บังคับบัญชาฝ่ายชายส่งให้ผู้หญิงไป และฝ่ายหญิงที่คบกันก็นำคลิปเสียงไปลงบันทึกประจำวันไว้ ที่สภ.เดียวกันในเวลาห่างกัน ๑ ชั่วโมง และใน๒๘ ม.ค.หลานได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าสามีได้มาแย่งโทรศัพท์และทำร้ายร่างกาย 

เมื่อ ๒๙ ม.ค.๖๒ สามีได้ไปฟ้องภรรยาว่าภรรยามีชู้ และภรรยาฟ้องแย้งว่าสามีต่างหากที่มีชู้ ในส่วนของคดีแพ่งและผู้หญิงที่คบกันเนื่องจากฝ่ายสามีกับชู้ที่ทำงานอยู่ตรงข้ามกัน และเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ต่อมาภายหลังหลานสาวได้แท้งลูก 

      ในทางคดีอาญา ฝ่ายที่เป็นโจทก์ร่วมได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กล่าวหา ผู้บังคับบัญชาของฝ่ายชายและหลานสาวในข้อหาหมิ่นประมาท โดยใช้คลิปเสียงและบันทึกของครอบครัวของฝ่ายสามีที่ทำขึ้นภายหลังที่มีการฟ้องแย้งไปแล้ว ว่าหลานไปกล่าวหาว่าสามีกับผู้หญิงที่เป็นโจทก์ร่วมเป็นชู้กัน ทั้ง ๆ ที่ ในวันดังกล่าวหลานยังไม่รู้เลยว่าสามีตนคบกับผู้หญิงคนใด มารู้เอาเมื่อ ๘ ม.ค.๖๒ (๓๐,๓๑ ธ.ค.๖๑ หลานสาวเดินทางไปบ้านของสามีที่มุกดาหาร หลานสาวบ้านอยู่อุดรธานี)

    จึงเรียนถามว่าในคดีอาญาจะมีข้อต่อสู้อย่างไรครับ ทั้งของผู้บังคับบัญชา และของหลานสาว