บอกกล่าว ผู้ค้ำประกันไม่ชอบ ฟ้องผู้ค้ำประกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2235/2562
สัญญากู้ยืมเงืนเพื่อการบริโภคกำหนดว่า จำเลยที่ 1 ผู้กู้จะต้องชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ผู้ให้กู้เป็นงวดรายปีไม่น้อยกว่างวดละ24,000 บาท งวดแรกชำระตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2557 และงวดต่อไปชำระภายในวันสุดท้ายของปี โดยกำหนดชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 หากจำเลยที่ 1 ผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง ให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดและยอมให้โจทก์เรียกให้ชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันที อันเป็นการกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน ดังนั้น หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่ละงวดตามกำหนดระยะเวลาในสัญญาดังกล่าว ย่อมต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลยตาม ป.พ.พ.มาตรา 204 วรรคสอง
จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดตั้งแต่งวดแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะชำระหนี้ครั้งแรกในวันที่ 25 มิถุนายน 2557 และชำระหนี้ให้แก่โจทก์อีกหลายครั้ง แต่การชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา โดยชำระหนี้ไม่ตรงกำหนดเวลาตามสัญญาบ้าง ชำระหนี้ไม่ครบจำนวนบ้าง ซึ่งก็ไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญากู้ยืมเงินเพื่อการบริโภค โดยเรียกให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ทั้งหมดทันทีแต่อย่างใด โจทก์กลับยอมรับเงินที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เรื่อยมาโดยไม่อิดเอื้อนหรือโต้แย้งสงวนสิทธิของโจทก์ที่จะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยไว้เลย พฤติการณ์ย่อมถือได้ว่า คู่สัญญาไม่ถือเอากำหนดระยะเวลาชำระเงินแต่ละงวดที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นสาระสำคัญ การที่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าจำเลยที่ 1 ตกเป็นผู้ผิดนัดตาม ป.พ.พ.มาตรา 204 วรรคสอง หาได้ไม่ โจทก์ต้องมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ที่ค้างภายในเวลาพอสมควรตาม ป.พ.พ.มาตรา 204 วรรคหนึ่ง เสียก่อน หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระจึงจะถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดนัด
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับหนังสือ จำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 เมื่อจำเลยที่ 1 เพิกเฉย จำเลยที่ 1 จึงตกเป็นผู้ผิดนัดในวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 อันเป็นระยะเวลาภายหลังจากวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2557 มีผลใช้บังคับ สิทธิ และหน้าที่ของโจทก์ ผู้เป็นเจ้าหนี้และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้ค้ำประกันย่อมเป็นไปตาม ป.พ.พ.มาตรา 686 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขโดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกัน อันเป็นระยะเวลาก่อนที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้จะตกเป็นผู้ผิดนัดโดยไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกันอีกภายหลังที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดแล้ว อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายในมาตราดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกันให้ร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์