"สาว" ขับปิกอัพจุกอกพูดไม่ออก รถเข้าศูนย์ถูกมือดีขโมยเฉย
จากข่าวพนักงานศูนย์บริการได้ทำการอบโอโซนแล้วนำรถมาจอดหน้าร้านเพื่อรอการส่งมอบ แต่ได้ติดเครื่องยนต์และเสียบกุญแจค้างไว้ เนื่องจากลูกค้ารอรับรถยนต์อยู่ แต่ไม่ถึง 1 นาที คนร้ายซึ่งได้แอบฉวยโอกาสขับรถหนีออกไปซึ่งในขณะนั้นพนักงานศูนย์บริการเห็นรถยนต์กำลังขับออกไปคิดว่าเป็นลูกค้ารับรถไปแล้ว ส่วนลูกค้าก็คิดว่าพนักงานเอารถลอง ดังนั้น ถ้าการกระทำนั้นผู้เสียหายยังไม่รู้สึกหรือเห็นการฉกฉวยเอาทรัพย์นั้นไปและต้องมีเจตนาที่จะแย้งกรรมสิทธิในรถยนต์ ก็จะมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 แต่ถ้าผู้เสียหายรู้สึกหรือเห็นการฉกฉวยเอารถยนต์ไป ก็จะมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ตามมาตรา 336 ประมวลกฎหมายอาญา
(ที่มา www.dailynews.co.th)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2532
ผู้เสียหายขับรถยนต์โดยสารไปส่งคนโดยสารที่ปลายทางเมื่อจอดรถให้คนโดยสารลงแล้ว จำเลยเดินตรงมาตบหน้าผู้เสียหาย1 ที ผู้เสียหายเปิดประตูลงจากรถเพื่อจะชกจำเลย จำเลยขึ้นไปบนรถขับรถแล่นวนไปวนมาในบริเวณที่เกิดเหตุประมาณ 5 นาทีแล้วขับไปจอดทิ้งไว้ในทุ่งนาซึ่งมีป่าละเมาะห่างจากถนนประมาณครึ่งกิโลเมตร และห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร แสดงว่าจำเลยมีเจตนาเอารถยนต์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยตบหน้าผู้เสียหายเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339(1) ถึง (5) จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายตามมาตรา 391 กระทงหนึ่งและฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 อีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10976/2554
ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เป็นการลักทรัพย์โดยการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า หมายถึง กิริยาที่หยิบหรือจับเอาทรัพย์ไปโดยเร็วรวมเป็นการกระทำอันเดียวกับการเอาไป และขณะที่ถูกเอาทรัพย์ไปผู้นั้นรู้สึกตัวหรือเห็นการฉกฉวยเอาทรัพย์นั้นไปด้วย การที่จำเลยดึงเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่จากกระเป๋ากางเกงของเด็กหญิง บ. แล้วเด็กหญิง บ. รู้สึกถึงการถูกดึงจึงใช้มือจับจนถูกมือของจำเลย จึงอยู่ในความหมายของการลักทรัพย์โดยการฉกฉวยเอาซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามฟ้องแล้ว
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
มาตรา 336 ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสามแสนบาท