หนุ่มไต้หวันฆ่าเมียมัดมือ-เท้ายัดกระเป๋าทิ้งทะเล
จากข่าวข้างต้นผู้ก่อเหตุกับผู้ตายมีปัญหาทะเลาะกัน จนถึงขั้นบีบคอจนทำให้ฝ่ายหญิงถึงแก่ความตาย และมัดมือมัดเท้ายัดใส่กระเป๋าทิ้งทะเลเพื่ออำพรางคดี การกระทำดังกล่าวของผู้ก่อเหตุ เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น และนำศพอำพรางการกระทำความผิดของตน เพื่อไม่ให้ผู้ใดรับรู้ถึงการกระทำในครั้งนี้ จึงมีความผิดเกี่ยวกับศพตาม ป.อ. มาตรา 199
(ที่มา https://www.dailynews.co.th)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10278/2555
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามภาพถ่ายปรากฏร่องรอยการเกลี่ยดินกับขี้เถ้ากลบคราบเลือดของผู้ตายที่บริเวณใต้ถุนบ้านของจำเลยอย่างชัดเจน เห็นได้ว่าจำเลยกระทำเช่นนั้นเพื่อปิดบังและอำพรางการกระทำความผิดของตน ดังนั้น การที่จำเลยลากศพผู้ตายไปไว้ที่ถนนสาธารณะหน้าบ้านห่างออกไปประมาณ 30 เมตร แม้บริเวณนั้นไม่อาจปิดบังการตายได้ ก็เป็นการกระทำเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตายและเพื่ออำพรางการกระทำความผิดของตนด้วย ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานนี้มาตั้งแต่ต้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเคลื่อนย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเพื่ออำพรางคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษายกฟ้องในความผิดฐานนี้มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง ด้วย ส่วนโทษจำคุกสำหรับความผิดฐานนี้ให้บังคับไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 แล้ว เป็นจำคุก 8 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 199 ผู้ใดลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี