การเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศ โควิด 19 จะถือเป็นการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยได้หรือไม่
การเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงโรคระบาด โควิด 19 อาจมีผลกระทบต่อลูกหนี้บางคนทำให้ไม่สามารถชำระหนี้สินที่ตนมีต่อสถาบันการเงินได้เหมือนเช่นปกติ แต่จะถือเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยตามกฎหมายได้หรือไม่ ดูคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3506/2546 , ฎีกาที่ 3776/2549
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 219 ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ และซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบนั้นไซร้ ท่านว่าลูกหนี้เป็นอันหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้น
ถ้าภายหลังที่ได้ก่อหนี้ขึ้นแล้วนั้น ลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่าเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้การชำระหนี้ตกเป็นอันพ้นวิสัยฉะนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3506/2546
การเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอาจมีผลกระทบต่อลูกหนี้บางคนทำให้ไม่สามารถชำระหนี้สินที่ตนมีต่อสถาบันการเงินได้เหมือนเช่นปกติแต่จะถือเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 219 วรรคหนึ่ง เสียทีเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป โดยเฉพาะจำเลยที่ 1ได้จำนองที่ดินเป็นประกันเงินกู้ยืมไว้กับโจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิร้องขอต่อศาลให้บังคับชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213,728 การชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 จึงอยู่ในวิสัยที่พึงปฏิบัติได้ จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ต่อไปจะอ้างวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศมาปลดเปลื้องเพื่อให้ตนหลุดพ้นจากการบังคับคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3776/2549
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไม่มีกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างแล้วเสร็จไว้ แต่จำเลยผู้จะขายจะต้องก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ภายในเวลาอันสมควร เมื่อนับจากวันที่ทำสัญญาจนถึงวันที่โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาเป็นเวลาประมาณ 3 ปี 5 เดือน และจำเลยรับเงินที่โจทก์ผ่อนชำระตามสัญญาไปครบถ้วนเป็นเวลาประมาณ 2 ปี 3 เดือน แต่จำเลยยังมิได้ลงมือก่อสร้างบ้านเลย ถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจะซื้อจะขาย เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
เหตุที่จำเลยสร้างบ้านให้แก่โจทก์ไม่ได้เป็นเพราะบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ผิดสัญญากับจำเลยโดยไม่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่จำเลยตามสัญญา เป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์โดยเฉพาะ ไม่ใช่เหตุที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์ได้
โจทก์ไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลย แต่เมื่อโจทก์เบิกความยืนยันว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายความแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเป็นการบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยโดยชอบแล้ว
จำเลยจดทะเบียนสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัทจำเลยอยู่แห่งหนึ่ง แต่ตามใบเสร็จรับเงินชั่วคราวที่จำเลยออกให้โจทก์ได้ระบุที่ตั้งที่ทำการจำเลยอยู่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานโครงการจำเลย ถือได้ว่าจำเลยมีที่ตั้งที่ทำการหลายแห่ง และที่ตั้งสำนักงานโครงการจำเลยถือเป็นภูมิลำเนาของจำเลยในส่วนกิจการอันได้กระทำ ณ ที่นั้นด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 69 โจทก์ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังสำนักงานโครงการซึ่งเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งได้