กรณีจากข่าว เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ

บทความวันที่ 26 ก.พ. 2563, 09:55

มีผู้อ่านทั้งหมด 476 ครั้ง

---

แม่ป.6 แจ้งจับครูโหดตบลูก โร่ถาม!ได้คำตอบแค่ "พลั้งมือ"

    กรณีจากข่าว เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งความจาก นางอนงค์ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ได้พาเด็กหญิง ษา (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ว่า ลูกสาวถูกครูประจำชั้น ตบหน้าหลายครั้ง เมื่อสอบถามไปถึงสาเหตุ ครูคนดังกล่าวแจ้งว่า เด็กหญิง ษา มีพฤติกรรมก้าวร้าว จึงได้พลั้งมือไป  
    สารวัตรจึงได้ทำหนังสือให้ผู้ปกครองพาเด็กไปตรวจร่างกายเพื่อรวบรวมหลักฐานและเตรียมเชิญคัวครูประชำชั้นคนดังกล่าวมาทำการสอบปากคำและดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายตามกฎหมายต่อไป
ที่มา : www.dailynews.co.th

ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 295  ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 391  ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2530
             จำเลยเพียงแต่ใช้มือตบตี และใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกขว้างผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าไม้ไผ่ดังกล่าวมีขนาดใหญ่เล็กเพียงใด บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็เป็นเพียงรอยถลอกไม่มีโลหิตไหล อีกแห่งหนึ่งเพียงแต่บวมเมื่อกดตรงที่บวมจึงเจ็บและจะรักษาหายได้ในเวลาประมาณ 5 วัน ซึ่งเป็นเพียงการคาดคะเนของแพทย์ความจริงอาจจะหายเป็นปกติภายในเวลาไม่ถึงกำหนดที่กะประมาณไว้ก็ได้ จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8192/2553
              จำเลยมาทวงหนี้จากผู้เสียหายโดยอ้างว่าเป็นหนี้ค่าอาหารบิดาจำเลย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมให้ จำเลยจึงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและใช้อำนาจบังคับโดยพลการเอาเงินของผู้เสียหายไป แม้เงินที่เอาไปจะมีจำนวนเท่าที่ผู้เสียหายเป็นหนี้บิดาจำเลยแต่จำเลยก็ไม่มีสิทธิ์ใดๆ โดยชอบที่จะกระทำเช่นนั้นได้ กรณีถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาเอาเงินของผู้เสียหายไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
    ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย เมื่อพิจารณาถึงผลการตรวจชันสูตรบาดแผลแล้ว ถือว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจอันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 295 แต่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 391 แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม ป.อ. มาตรา 295 ก็ตาม แต่เมื่อตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 391 โดยการทำร้ายร่างกาย ย่อมรวมถึงการใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามมาตรา 391 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในการกระทำความผิดตามที่พิจารณาได้ความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย