ทนายชี้'เพื่อนบ้านโหด'ขับชนเจตนาฆ่า โทษประหารชีวิต|ทนายชี้'เพื่อนบ้านโหด'ขับชนเจตนาฆ่า โทษประหารชีวิต

ทนายชี้'เพื่อนบ้านโหด'ขับชนเจตนาฆ่า โทษประหารชีวิต

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ทนายชี้'เพื่อนบ้านโหด'ขับชนเจตนาฆ่า โทษประหารชีวิต

  • Defalut Image

จากข่าวผู้ต้องหาเป็นเพื่อนบ้านฝั่งตรงกันข้าม ได้ขับรถจอดหน้าบ้านของตนและได้มีการขับรถถอยหลังเล็กน้อยและขับรถพุ่งชน

บทความวันที่ 27 ม.ค. 2563, 10:39

มีผู้อ่านทั้งหมด 634 ครั้ง


ทนายชี้'เพื่อนบ้านโหด'ขับชนเจตนาฆ่า โทษประหารชีวิต

     จากข่าวผู้ต้องหาเป็นเพื่อนบ้านฝั่งตรงกันข้าม ได้ขับรถจอดหน้าบ้านของตนและได้มีการขับรถถอยหลังเล็กน้อยและขับรถพุ่งชน เพื่อนบ้านขณะกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านอย่างแรงเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จากนั้นได้ขับรถหลบหนีไป ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากการมีปากเสียงกันมาก่อน
(ที่มา https://www.dailynews.co.th)

ตัวบทกฏหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 59
  บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
    กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
    ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
    กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
    การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย
 มาตรา 288  ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 289  ผู้ใด
    (1) ฆ่าบุพการี
    (2) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่
    (3) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่บุคคลนั้นจะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงานดังกล่าวแล้ว
    (4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
    (5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
    (6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือ
    (7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
    ต้องระวางโทษประหารชีวิต

คำพิพากษาฎีกาที่ 5923/2559
    วินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อมาว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วมทั้งสอง อันเป็นการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาหรือไม่ เห็นว่า จำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมทั้งสอง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายของรถยนต์คันเกิดเหตุ ประกอบบันทึกการตรวจพิสูจน์เครื่องกลและเครื่องอุปกรณ์รถยนต์คันเกิดเหตุ เห็นได้ว่า รถยนต์คันเกิดเหตุได้รับความเสียหายพอสมควรคือ ไฟหน้าด้านซ้ายแตก ฝากระโปรงหน้ายุบ กระจังหน้าด้านซ้ายแตก และบังโคลนหน้าด้านซ้ายบุบ ส่วนโจทก์ร่วมทั้งสองถูกจำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุชนท้ายรถจักรยานยนต์จนกระเด็นหล่นจากรถจักรยานยนต์ แสดงว่าขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์พุ่งชนอย่างแรง และรถยนต์ของจำเลยยังมีขนาดและแรงปะทะมากกว่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมทั้งสอง นอกจากนี้เมื่อมีการชนแล้วรถยนต์ของจำเลยยังลากรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมทั้งสองติดไปด้วยเป็นระยะทางไกล ซึ่งหากโจทก์ร่วมทั้งสองติดอยู่ใต้ท้องรถยนต์ของจำเลยด้วยก็อาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ดังนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าการกระทำของจำเลยอาจทำให้โจทก์ร่วมทั้งสองถึงแก่ความตายได้ และแม้จะรับฟังได้ว่า จำเลยไม่ได้ขับรถถอยหลังเพื่อจะทับโจทก์ร่วมทั้งสองให้ถึงแก่ความตายทั้ง ๆ ที่มีโอกาสที่จะกระทำได้ดังทำนองที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกา ก็ไม่ทำให้ความผิดของจำเลยเปลี่ยนแปลงไป เพราะเจตนาโดยเล็งเห็นผลนั้นมุ่งถึงลักษณะแห่งการกระทำ และผลของการกระทำที่อาจเกิดขึ้นเป็นหลัก มิได้มุ่งถึงเจตนาของผู้กระทำเป็นหลัก ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 217 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อันแสดงให้เห็นว่าจำเลยเมาสุราอย่างมากจนไม่อาจครองสติได้นั้น ข้อนี้เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามทางพิจารณาว่า วันเกิดเหตุจำเลยเข้าไปดื่มสุราในผับกิซซี่ ถือได้ว่าจำเลยสมัครใจเสพสุราโดยรู้ว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้มึนเมา จำเลยย่อมไม่อาจยกเอาความมึนเมานั้นขึ้นเป็นข้อแก้ตัวว่าไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 66 ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วมทั้งสอง อันเป็นการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้น

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก