จับหนุ่มแค้นยิงอริดับ เหตุข่มขื่นเมีย-ซ้ำตามเย้ยถึงบ้าน
กรณีจากข่าว เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลหล่มสัก ที่ จ.77/251 ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจับกุมได้บริเวณแคมป์คนงานก่อสร้าง
สืบเนื่องจาก ประมาณเดือน เมษายน 2551 ภรรยาของผู้ต้องหาถูกคนในหมู่บ้านข่มขืน แต่ไม่กล้าไปแจ้งความเพราะกลัวอับอาย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2551 คนที่ข่มขืนภรรยา มานั่งคุยอยู่ข้างบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่แอบเข้ามาข่มขื่นภรรยาของผู้ต้องหา ในลักษณะส่งเสียงดังและมีการพูดเย้ยหยัน ด้วยความโกรธแค้นของผู้ต้องหา จึงไปหยิบเอาปืนลูกซองสั้นมายิงผู้ตายเสียชีวิต
ที่มา : www.dailynews.co.th
ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 289 ผู้ใด
(1) ฆ่าบุพการี
(2) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่
(3) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่บุคคลนั้นจะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงานดังกล่าวแล้ว
(4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
(5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือ
(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
ต้องระวางโทษประหารชีวิต
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15585/2557
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายกำลังขับรถยนต์เลี้ยวเข้าสถานีบริการน้ำมัน แม้ก่อนเกิดเหตุจำเลยทราบว่าผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับภริยาจำเลย และจำเลยยังขุ่นเคืองผู้เสียหายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก็ตาม แต่จำเลยหาได้กระทำต่อผู้เสียหายในขณะที่พบเห็นผู้เสียหายเป็นชู้กับภริยาจำเลยหรือในระยะเวลาที่ต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน เมื่อขณะที่จำเลยยิงผู้เสียหายดังกล่าวข้างต้นไม่ปรากฎว่าผู้เสียหายกระทำการข่มเหงจำเลยอย่างใดอันเป็นการก่อให้จำเลยเกิดโทสะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวขึ้นมาอีก จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้เสียหาย เพราะเหตุบันดาลโทสะในขณะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม กรณีไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7146/2552
การที่จำเลยยังคงติดตามให้ จ. กลับไปอยู่กับจำเลยและบุตรเมื่อจำเลยไปพบเห็น จ. กับผู้เสียหายอยู่กันตามลำพังในห้องน้ำในคืนเกิดเหตุ นับได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายได้กระทำการอันเป็นการข่มเหงในทางจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและจำเลยย่อมเกิดอารมณ์หึงหวงในฐานะที่ตนเองเป็นสามีของ จ. อยู่และบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้นจึงได้ใช้มีดแทงผู้เสียหาย ซึ่งแม้จำเลยแทงผู้เสียหายครั้งแรกในห้องน้ำ และแทงผู้เสียหายครั้งต่อๆ มาที่ประตูหน้าบ้าน แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องติดพันกันอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลอาญา มาตรา 72
จ. ยังเป็นภริยาจำเลย แต่การที่จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อตามหา จ. โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกับผู้เสียหายมีความสัมพันธ์กันในทางใด ทั้งจำเลยก็ไม่เคยพักอาศัยอยู่กับผู้เสียหาย จำเลยย่อมไม่มีสิทธิเข้าไปในบ้านผู้เสียหายโดยพลการ จึงเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยมิได้มีเจตนาแต่แรกที่จะเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งมิได้วางแผนเตรียมมีดของกลางเพื่อที่จะไปแทงผู้เสียหายมาก่อนเกิดเหตุ แต่เมื่อจำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายแล้วจำเลยไปพบว่าผู้เสียหายอยู่ในห้องน้ำกับ จ. เพียงสองต่อสอง จึงหยิบมีดที่พบวางอยู่ไปแทงผู้เสียหาย การบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายกับการแทงผู้เสียหายจึงเป็นเจตนาที่มิได้เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่เกิดขึ้นเป็นสองครั้งแยกจากกันได้ จึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน โดยเป็นความผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืนกรรมหนึ่งและพยายามฆ่าอีกกรรมหนึ่ง