'ยาย'สู้ยิบตายังเอาไม่อยู่ ถูกโจรวิ่งราวลากครูดพื้นถนน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินอยู่ภายในซอยดังกล่าวได้มีคนร้าย 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ทราบทะเบียนขี่มาจากด้านหลังแล้วกระชากกระเป๋าถือของผู้เสียหายและเกิดการยื้อแย่งกันขึ้น ผู้เสียหายจึงสู้ยิบตาและเกาะรถไว้ไม่ให้หนี ทำให้คนร้ายที่พยายามเร่งเครื่องจนลากตัวคุณยายครูดกับพื้นถนนจนรถคนร้ายล้มลง แต่คนร้ายก็ยังพยายามแย่งกระเป๋าถือจากมือผู้เสียหายไปได้ก่อนจะขี่หลบหนีไป ส่วนผู้เสียหายมีรอยแผลรอยถลอกทั้งตัว
ที่มา : dailynews
ประมวลกฏหมายอาญา
มาตรา 336 ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าผู้นั้นกระทําความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สองปีถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กําลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กําลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(2) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4) ปกปิดการกระทําความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทําความผิดฐานชิงทรัพย์ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท
คำพิพากษาฎีกาที่ 1456/2519
ต. กระชากกระเป๋าถือของผู้เสียหายที่คล้องไว้ที่ไหล่ขณะเดินอยู่บนทางเท้า เมื่อผู้เสียหายกับพวกร้องขอความช่วยเหลือและวิ่งไล่ตาม ต. วิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามและโยนกระเป๋าทิ้งกลางถนน แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่หลบหนีไป ดังนี้ ต. มิได้ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายที่จะเป็นองค์ประกอบให้เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์รูปเรื่องเป็นเรื่อง ต. ใช้กิริยาฉกฉายเอากระเป๋าบรรจุทรัพย์ของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ หากแต่โจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบความผิดฐานนี้มา และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ คงลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์เท่านั้น
คำพิพากษาฎีกาที่ 2103/2521
จำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหายนางสาวดำเห็นเข้าจึงเข้าแย่งกรงนั้นแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนกเขาของผู้เสียหายไปได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาฎีกาที่ 361/2520
จำเลยปัดไฟฉายที่ผู้เสียหายถืออยู่จนหลุดจากมือผู้เสียหายก้มลงเก็บไฟฉาย จำเลยกระชากสร้อยคอพาหนีไปการปัดไฟฉายเป็นการกระทำแก่เนื้อตัวหรือกาย เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย เป็นชิงทรัพย์