ศาลจะสั่งให้โจทก์ทิ้งฟ้องนั้น ต้องเป็นกรณีที่ไม่ดำเนินการตามศาลสั่งเป็นเหตุให้ศาลไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 3192/2557
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสี่นัดแรกโจทก์ทั้งสี่และจำเลยแถลงร่วมกันว่าโจทก์ทั้งสี่ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับจำเลย แต่โจทก์ทั้งสี่ผิดสัญญาจำเลยจึงฟ้องโจทก์ทั้งสี่ต่อศาลชั้นต้น ต่อมาโจทก์ทั้งสี่และจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 348/2551 และคดีอยู่ระหว่างการบังคับคดี โจทก์ทั้งสี่และจำเลยสามารถตกลงยอดหนี้กันได้แล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติของกรรมการจำเลย และขอความเห็นชอบจากบรรษัทประกันสินเชื่อเพื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน และโจทก์ทั้งสี่แถลงเพิ่มเติมว่า หากตกลงกันได้จะถอนฟ้องคดีนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีน่าจะตกลงกันได้ จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อฟังผลการเจรจา ครั้นเมื่อถึงวันนัดโจทก์ทั้งสี่ไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง มีปัญหาว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทั้งสี่ทิ้งฟ้องและจำหน่ายคดีโจทก์ทั้งสี่ออกจากสารบบความเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เห็นว่า บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ไม่ได้หมายความว่า เมื่อศาลกำหนดให้โจทก์ทั้งสี่ดำเนินคดีในเรื่องใดแล้ว โจทก์ทั้งสี่เพิกเฉยจะเป็นกรณีทิ้งฟ้องเสมอไป การที่จะถือว่าโจทก์ทั้งสี่ทิ้งฟ้องต้องเป็นกรณีที่ไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลแล้วเป็นเหตุที่ทำให้ศาลไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอีกได้ เมื่อพิจารณาถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาของโจทก์ทั้งสี่ปรากฏว่าตั้งแต่วันนัดชี้สองสถานหรือสืบพยาน ทนายโจทก์ทั้งสี่และทนายจำเลยมาศาลและแถลงว่าคดีอยู่ระหว่างการเจรจา โดยทนายจำเลยจะนำเงื่อนไขของโจทก์ทั้งสี่เสนอผู้มีอำนาจเพื่อพิจารณา ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้กำหนดนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสี่วันที่ 8 และ 9 มิถุนายน 2554 และสืบพยานจำเลยวันที่ 10 มิถุนายน 2554 ก่อนถึงวันนัดได้มีการนัดไกล่เกลี่ยโดยผู้ประนีประนอมของศาลชั้นต้น อีก 4 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งทนายโจทก์ทั้งสี่และทนายจำเลยมาศาลทุกนัดและมีผลการเจรจาที่คืบหน้าตามลำดับ ครั้งสุดท้ายวันที่ 2 มิถุนายน 2554 แต่ตกลงกันยังไม่ได้ จึงต้องส่งสำนวนเข้าสู่กระบวนการสืบพยานโจทก์ทั้งสี่และจำเลย ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสี่ ทนายโจทก์ทั้งสี่และทนายจำเลยมาศาล แล้วแถลงว่าคดีอยู่ระหว่างเจรจาโดยรอผลการอนุมัติของกรรมการจำเลย และขอความเห็นชอบจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมซึ่งคาดว่าน่าจะตกลงกันได้ ศาลชั้นต้นให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อฟังผลการเจรจาวันที่ 5 กันยายน 2554 ถึงวันนัดโจทก์ที่ 2 ผู้รับมอบฉันทะทนายโจทก์ทั้งสี่ และทนายจำเลยมาศาล แล้วแถลงขอเลื่อนคดี เนื่องจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมยังพิจารณาการขอลดบอดหนี้ไม่เสร็จ ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อฟังผลเจรจาวันที่ 16 พฤศจิกายน 2554 เมื่อถึงวันนัดดังกล่าวทนายโจทก์ทั้งสี่ไม่มาศาล จะเห็นได้ว่าทนายโจทก์ทั้งสี่มาศาลทุกนัดที่มีการไกล่เกลี่ย การที่โจทก์ทั้งสี่ไม่มาศาลแสดงว่าคดีไม่สามารถตกลงกันได้ จึงยังมีกระบวนพิจารณา ที่ศาลชั้นต้นต้องดำเนินการต่อไป คือการสืบพยานโจทก์ทั้งสี่และสืบพยานจำเลย การที่โจทก์ทั้งสี่ไม่ศาลในวันนัดพร้อมเพื่อฟังผลการเจรจายังไม่ใช่กรณีที่ถือว่าโจทก์ทั้งสี่ทั้งฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ทั้งสี่ทิ้งฟ้องและมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้น จึ้งเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
ที่มา : หนังสือรวมคำบรรยายภาค 2 สมัยที่ 72 ปี พ.ศ.2562 เล่ม 6