ผู้เช่าซื้อที่นำรถที่ยังผ่อนไม่หมดไปขายจะมีความผิดฐานยักยอกติดคุก ส่วนผู้ที่ซื้อก็มีความผิดฐานรับของโจร
ระหว่างผ่อนชำระราคา ผู้เช่าซื้อนำทรัพย์นั้นไปตีใช้หนี้หรือเอาไปขาย เป็นการเบียดบังทรัพย์สินที่เช่า ผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิง
1.คำพิพากษาฎีกา 6540/2548
จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมไป แม้จำเลยจะมีสิทธิใช้สอยและครอบครองรถจักรยานยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อ แต่รถจักรยานยนต์ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วม เมื่อโจทก์ร่วมประสงค์จะตรวจดู จำเลยจำต้องยอมให้ผู้เช่าซื้อตรวจดูทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้เป็นครั้งคราวในเวลาและระยะอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 555 การที่จำเลยไม่สามารถนำรถจักรยานยนต์มาให้โจทก์ร่วมตรวจดูได้ แม้จำเลยได้แสดงเจตนาที่จะชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ร่วม แต่จำเลยกับพวกนำรถไปขายที่ต่างประเทศแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเบียดบังเอารถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมไปเป็นของตนเองหรือบุคคลอื่นโดยสุจริต เป็นความผิดฐานยักยอก
2.คำพิพากษาฎีกาที่ 1010/2506
จำเลยที่ 2 รับของโจรกระบือจากบุคคลที่ลักมา แล้วขายให้จำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 รับซื้อไว้โดยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเป็นกระบือของร้าย ก็มีความผิดฐานรับของโจรได้
ประมวลกฏหมายอาญา
มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทําความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจําหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจํานําหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทําความผิด ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์วิ่งราวทรัพย์กรรโชก รีดเอาทรัพย์ชิงทรัพย์ปล้นทรัพย์ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ผู้นั้นกระทําความผิดฐานรับของโจรต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ