ข้อควรระวังก่อนทำสัญญาประกันชีวิต
ปัจจุบันการใช้บริการประกันชีวิตมีข้อพิพาทระหว่างบริษัทประกันกับผู้เอาประกันอยู่บ่อยครั้ง เช่น ตัวแทนหลอกลวงเกี่ยวกับเงื่อนไขตามสัญญาประกัน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญา ทนายคลายทุกข์จึงขอนำความรู้เกี่ยวกับการประกันชีวิตมานำเสนอ ดังนี้
1.อะไรบ้างที่ประกันจะคุ้มครอง
การทำสัญญาประกันชีวิตจะมีรูปแบบการคุ้มครองพื้นฐาน 4 แบบ มีลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกัน คือ
1. แบบตลอดชีพ ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ โดยบริษัทผู้รับประกันจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต
2. แบบสะสมทรัพย์ บริษัทผู้รับประกันจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเมื่อมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย
3. แบบชั่วระยะเวลา บริษัทผู้รับประกันจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี เป็นการให้ความคุ้มครองการเสี่ยงภัยอันเกิดจากการเสียชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว
4. แบบเงินได้ประจำ บริษัทผู้รับประกันจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเท่ากันอย่างสม่ำเสมอให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไปจนครบสัญญา แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ และขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันชีวิตที่จะเลือกซื้อ
2.การยกเว้นไม่คุ้มครองมีอะไรบ้าง
1.ผู้เอาประกันภัยได้กระทำอัตวินิบาต(ฆ่าตัวตาย)ด้วยใจสมัครภายใน 1 หนึ่งนับแต่วันทำสัญญา
2.ผู้เอาประกันภัยถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
3.ผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จ สัญญาประกันชีวิตจะเป็นโมฆียะ เช่น จงใจปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับโรค รวมถึงเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในระยะรอคอย 60 วัน
4.กรณีที่มีเงื่อนไขประกันระบุไว้ชัดเจนว่าจะไม่คุ้มครองผู้เอาประกันภัยขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา(โดยตรวจเลือดมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดตั้งแต่ 150 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ขึ้นไป) สารเสพติด หรือยาเสพติดให้โทษจนไม่สามารถครองสติได้
5.กรณีที่มีเงื่อนไขในสัญญาประกันระบุไว้ชัดเจนว่า จะไม่คุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยสมัครใจทำกิจกรรมเสี่ยงอันตรายที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต
3.ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับอะไรบ้าง
ต้องเปิดเผยข้อความจริงซึ่งถ้าผู้รับประกันภัยได้ทราบ อันจะเป็นเหตุให้ผู้รับประกันภัยเรียกเบี้ยประกันภัยให้สูงขึ้น หรืออาจจะบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาประกันภัยด้วย ซึ่งต้องเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญถึงขนาดที่จะสามารถจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นหรือปฏิเสธไม่ยอมรับประกันภัย (ตาม ป.พ.พ.มาตรา 865 วรรคแรก) เช่น ต้องเปิดเผยโรคที่เป็นอยู่ เป็นต้น
4.กรณีไม่เปิดเผย ปกปิดไว้จะเป็นอย่างไร ผลตามกฎหมายเป็นอย่างไร
หากไม่เปิดเผยข้อความจริงหรือแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จ สัญญาประกันจะเป็นโมฆียะ เมื่อได้ปรากฏว่าการไม่เปิดเผยความจริงหรือแถลงข้อความเท็จนั้นเป็นเหตุให้ผู้รับประกันภัยเชื่อถือและยอมรับประกันภัยด้วยเบี้ยประกันภัยที่ต่ำกว่าที่ควร จึงจะเป็นโมฆียะ (ตาม ป.พ.พ.มาตรา 865 วรรคแรก) ผู้รับประกันภัยสามารถบอกล้างสัญญาประกันภัยที่เป็นโมฆียะได้ เมื่อบอกล้างแล้วให้ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก และให้ผู้เป็นคู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม (ตาม ป.พ.พ.มาตรา 176 วรรคหนึ่ง) ถือเสมือนว่าคู่สัญญาทั้งสองไม่เคยทำสัญญาฉบับที่ตกเป็นโมฆียะเลย และหากฝ่ายใดได้รับเงินหรือทรัพย์สินจากอีกฝ่าย ฝ่ายนั้นจะต้องส่งคืนให้
5.เวลามีปัญหากับบริษัทประกัน ไปร้องเรียนได้ที่ไหน
สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัย ตั้งอยู่ที่สำนักงาน คปภ.ในส่วนกลาง และสำนักงาน คปภ. ภาค/เขต/จังหวัด ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ
6.การดำเนินคดีทางศาลและอนุญาโตตุลาการ ต้องทำอย่างไร มีกฎหมายอะไรบ้าง
หากผู้รับประกันภัยไม่ชำระค่าสินไหมทดแทน ผู้เอาประกันภัยสามารถยื่นฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคต่อศาล หรือ ยื่นคำเสนอข้อพิพาทที่ คปภ. เพื่อตั้งอนุญาโตตุลาการ เป็นผู้ตัดสินชี้ขาดข้อพิพาท โดยคู่พิพาททั้งสองฝ่ายต้องนำสืบพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อผู้ทำหน้าที่อนุญาโตตุลาการ เพื่อให้อนุญาโตตุลาการใช้เป็นข้อมูลในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท และคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจะมีผลผูกพันให้คู่พิพาทต้องปฏิบัติตาม การดำเนินกระบวนพิจารณาของอนุญาโตตุลาการสำนักงาน คปภ. เป็นการดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 และ ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2551, ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 และ ระเบียบสำนักงาน คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยว่าด้วยการประนอมข้อพิพาทประกันภัยในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2553