อาจารย์สาวฉ้อโกงเผ่นฮ่องกง แฉเพิ่มหลอก นร.ไปซัมเมอร์แคมป์-ใช้บัตร ปชช.เด็กไปกู้นอกระบบ
จากกรณีผู้เสียหายกว่า 10 ราย เข้าแจ้งความกองปราบฯเพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.อัสมา ดำรงค์ผล อายุ 33 ปี หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ย่านรังสิต ที่หลอกลวงให้นำเงินมาร่วมลงทุนทำธุรกิจพานักเรียนมัธยม นักศึกษาไปเรียนพิเศษภาคฤดูร้อน หรือซัมเมอร์แคมป์ ที่ประเทศอังกฤษ แต่กลับไม่มีการพาไปจริง มูลค่าความเสียหายร่วมกันกว่า 20 ล้านบาท ภายหลังทราบว่าไปหลอกขายคอร์สเรียนพิเศษภาคฤดูร้อน ในประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 13-27 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้กับโรงเรียนบดินทร์เดชา 2 มีผู้ปกครองสนใจนำบุตรหลานเข้าร่วมรวม 30 ราย โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายรายละ 9 หมื่นบาท แต่เมื่อนางอัสมามารับเงินไปแล้วเมื่อใกล้เวลาเดินทางกลับติดต่อไม่ได้ จึงรู้ว่าถูกฉ้อโกงโดยขณะนี้มีความเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท จึงเดินทางมาแจ้งความเอาผิดนางอัสมาในความผิดฉ้อโกง ซึ่งปัจจุบันได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
การกระทำดังกล่าวมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อ.มาตรา 343 ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342 อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2529
การกระทำอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามปอ.มาตรา 343 มิได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากหรือน้อยเป็นเกณฑ์ แต่ถือเอาเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนเป็นสำคัญ เมื่อจำเลยร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหาย 6 คนเป็นรายบุคคล ให้เสียค่าสมัครไปทำงานต่างประเทศ จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 341
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2539
ความผิดฐานฉ้อโกงผู้กระทำความผิดต้องกระทำโดยการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามการที่จำเลยชวนโจทก์ร่วมซื้อคอนโดมิเนียมตึกแถวและที่ดินโดยยืนยันว่าอีก4เดือนจะมีผู้ซื้อต่อการที่จำเลยให้ผู้เสียหายทำพิธีเสริมดวงและเรียกค่าครูโดยยืนยันว่าจะทำให้ดวงดีขายตึกแถวที่ดินได้หรือบุตรจะมีบุญบารมีสูงกว่าบิดามารดาผู้เสียหายกับสามีจะไม่ต้องหย่ากันล้วนเป็นคำยืนยันเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่แน่นอนทั้งสิ้นคำยืนยันดังกล่าวไม่ใช่คำหลอกลวงแต่เป็นคำคาดการณ์ที่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายเข้าทำพิธีตามคำแนะนำและเสียค่าใช้จ่ายจึงมิได้เป็นผลจากการหลอกลวงการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
สอบถามข้อกฎหมายเพิ่มเติมโทรสอบถามทีมงานทนายความทนายคลายทุกข์ 02-9485700