ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ทนายคลายทุกข์วิเคราะห์คดีฆ่าแอ๋ม ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหมายถึงอะไรตามกฏหมายแล้ว
การทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพ ไม่มีกฎหมายบังคับต้องทำเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนจะทำหรือไม่ก็ได้ แต่การทำแผนประกอบคำรับสารภาพผู้ต้องหาต้องสมัครใจทำไม่ใช่ตำรวจชี้ให้ทำท่านั้นท่านี้ ซึ่งเคยมีกรณีขึ้นสู่ศาลแล้ว ถือว่าไม่สมัครใจการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หมายความว่า จะต้องมีคำรับสารภาพก่อนและคำสั่งรับคำรับสารภาพต้องเป็นคำรับสารภาพโดยสมัครใจ ไม่ใช่เกิดจากการข่มขู่หรือหลอกลวงหลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะพา ไปชี้จุดต่างๆเกี่ยวกับการลงมือกระทำความผิดเรียกว่าทำแผนประกอบคำรับสารภาพเมื่อถึงชั้นศาลแล้ว ผู้ต้องหาเปลี่ยนฐานะเป็นจำเลยก็สามารถที่จะกลับคำให้การได้เป็นปฏิเสธคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่า
โจทก์มีหน้าที่ต้องหาพยานหลักฐานอื่นมาพิสูจน์ความผิดจำเลย จนปราศจากข้อสงสัยศาลจึงจะลงโทษจำคุกจำเลยได้ ไม่ใช่เอาเฉพาะคำรับสารภาพของจำเลยซึ่งเป็นพยานบอกเล่าเท่านั้น มาลงโทษจำเลย ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาว่าการที่จำเลยยอมรับสารภาพและมีการพูดถึงรายละเอียดของการกระทำความผิดอย่างละเอียดต่อหน้าสื่อมวลชน ถือว่าเป็นการรับสารภาพโดยสมัครใจรับฟังประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ลงโทษจำเลยได้ ในทางปฏิบัติถ้าจำเลยให้การรับสารภาพในคดีอาญาส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนก็มักไม่ไปดูที่เกิดเหตุและไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อาจจะเนื่องมาจากว่าพนักงานสอบสวนมีงานที่ต้องรับผิดชอบมาก ท่านใดมีข้อสงสัยก็โทรศัพท์มาสอบถามกันได้นะครับ 081-6161425
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 84 เจ้าพนักงานหรือราษฎรผู้ทำการจับต้องเอาตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนตามมาตรา 83 โดยทันที และเมื่อถึงที่นั้นแล้ว ให้ส่งตัวผู้ถูกจับแก่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจของที่ทำการของพนักงานสอบสวนดังกล่าว เพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่เจ้าพนักงานเป็นผู้จับให้เจ้าพนักงานผู้จับนั้นแจ้งข้อกล่าวหา และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบ ถ้ามีหมายจับให้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบและอ่านให้ฟังและมอบสำเนาบันทึกการจับแก่ผู้ถูกจับนั้น
(2) ในกรณีที่ราษฎรเป็นผู้จับ ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งรับมอบตัวบันทึกชื่อ อาชีพ ที่อยู่ของผู้จับ อีกทั้งข้อความและพฤติการณ์แห่งการจับนั้นไว้ และให้ผู้จับลงลายมือชื่อกำกับไว้เป็นสำคัญเพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและรายละเอียดแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบและแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบด้วยว่าผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้ และถ้อยคำของผู้ถูกจับอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้
เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้วให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ซึ่งมีผู้นำผู้ถูกจับมาส่งแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบถึงสิทธิตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 7/1 รวมทั้งจัดให้ผู้ถูกจับสามารถติดต่อกับญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับไว้วางใจเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุมได้ในโอกาสแรกเมื่อผู้ถูกจับมาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวนตามวรรคหนึ่ง หรือถ้ากรณีผู้ถูกจับร้องขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้แจ้ง ก็ให้จัดการตามคำร้องขอนั้นโดยเร็ว และให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจบันทึกไว้ ในการนี้มิให้เรียกค่าใช้จ่ายใด ๆ จากผู้ถูกจับ
ในกรณีที่จำเป็น เจ้าพนักงานหรือราษฎรซึ่งทำการจับจะจัดการพยาบาลผู้ถูกจับเสียก่อนนำตัวไปส่งตามมาตรานี้ก็ได้
ถ้อยคำใด ๆ ที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับ หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัวผู้ถูกจับ ถ้าถ้อยคำนั้นเป็นคำรับสารภาพของผู้ถูกจับว่าตนได้กระทำความผิดห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน แต่ถ้าเป็นถ้อยคำอื่น จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกจับได้ต่อเมื่อได้มีการแจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง หรือตามมาตรา 83 วรรคสอง แก่ผู้ถูกจับแล้วแต่กรณี
มาตรา 134/4 ในการถามคำให้การผู้ต้องหา ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบก่อนว่า
(1) ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะให้การหรือไม่ก็ได้ ถ้าผู้ต้องหาให้การ ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้การนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้
(2) ผู้ต้องหามีสิทธิให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้
เมื่อผู้ต้องหาเต็มใจให้การอย่างใดก็ให้จดคำให้การไว้ ถ้าผู้ต้องหาไม่เต็มใจให้การเลยก็ให้บันทึกไว้
ถ้อยคำใด ๆ ที่ผู้ต้องหาให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนก่อนมีการแจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง หรือก่อนที่จะดำเนินการตามมาตรา 134/1 มาตรา 134/2 และมาตรา 134/3 จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้นั้นไม่ได้
มาตรา 227 ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น
เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย