บิดเบือน หลอกลวง ผิดกฎหมายคอมฯ ฉบับใหม่|ทนายคลายทุกข์,คดีหมิ่นประมาท,ทนาย

บิดเบือน หลอกลวง ผิดกฎหมายคอมฯ ฉบับใหม่

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

บิดเบือน หลอกลวง ผิดกฎหมายคอมฯ ฉบับใหม่

  • Defalut Image

พวกคะนองปาก ท้าทายอำนาจรัฐ โพสต์เฟซบุ๊คด่าหน่วยงานของรัฐเป็นประจำทุกวัน

บทความวันที่ 28 มิ.ย. 2560, 10:14

มีผู้อ่านทั้งหมด 4490 ครั้ง


บิดเบือน หลอกลวง ผิดกฎหมายคอมฯ ฉบับใหม่

                พวกคะนองปาก ท้าทายอำนาจรัฐ โพสต์เฟซบุ๊คด่าหน่วยงานของรัฐเป็นประจำทุกวัน บิดเบือนเสนอข้อมูลด้านเดียว ด่าผู้อื่นหรือหน่วยงานรัฐแสดงความคิดเห็นหรือคอมเม้นท์ด่าบุคคลอื่น ผิดศีลธรรมหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย(เอามัน)เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทุจริตหลอกลวงทางเฟซบุ๊คเพื่อแสวงหาประโยชน์ รวมถึงโฆษณาขายสินค้า เจ้าของเฟซบุ๊ค เว็บไซต์ ถ้ามีความเห็นที่ผิดกฎหมายต้องลบออก มิฉะนั้น เตรียมติดคุกและเสียค่าปรับได้เลย  ทนายคลายทุกข์ขอนำสาระสำคัญบางส่วนที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียต้องรู้

                1.พวกส่งสแปมหาลูกค้าครั้งละหลายพันฉบับ (เมลล์ขยะ) ในเวลาเดียวกัน โดยที่ผู้รับไม่ได้ยินยอมและไม่มีทางเลือกที่จะปฏิเสธ มาตรา 11 ปัจจุบันมีบริษัทขายตรงหรือบริษัทที่ให้บริการต่างๆส่งอีเมลล์ครั้งละประมาณ 4-5 พันฉบับ ไปยังกลุ่มเป้าหมาย สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้รับ ต่อไปนี้ไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว ใครที่ทำก็ควรหยุดมิฉะนั้นก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายใหม่

                2.เจ้าของเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊คที่เปิดให้คนทั่วไปแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะพวกที่มีคนติดตามเป็นแสน หากความเห็นผิดกฎหมาย  มาตรา 15 เจ้าของเว็บไซต์ที่มีเว็บบอร์ดให้ตั้งกระทู้แสดงความคิดเห็นจะต้องคอยตรวจสอบว่าผู้ที่มาโพสต์ข้อความ โพสต์ข้อความที่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่อย่างไร หรือละเมิดสิทธิคนอื่น หรือมีข้อความลามกอนาจาร จะต้องคอยลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายออกอยู่สม่ำเสมอ มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย

                3.กระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับความมั่นคง หรือความปลอดภัยสาธารณะ มาตรา 12

                4.หลอกลวงหรือทุจริตหรือบิดเบือนหรือข้อมูลปลอม หรือข้อมูลเท็จ อันมิใช่ความผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา 14(1) เป็นกรณีที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เช่น หลอกลวงขายสินค้าหรือบริการ หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีก่อนและไม่ส่งมอบสินค้า หรือหลอกลวงโดยปลอมตัวเป็นบุคคลอื่น ทำให้ได้เงินหรือทรัพย์สินไปจากประชาชน รวมทั้งการใช้ข้อมูลที่บิดเบือนความจริงเช่น บอกไม่หมด หรือความจริงครึ่งเดียว ทำให้การความเข้าใจผิด ได้เงินทองหรือทรัพย์สินไปจากประชาชน แต่ต้องมิใช่คดีหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ถ้ามีการกระทำความผิด เช่น ด่ากัน หรือเรื่องชู้สาว ก็ต้องไปดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 หรือมาตรา 328 ไม่สามารถที่จะอ้างบทบัญญัติใหม่นี้ได้

                5.ข้อมูลลามก เช่น ภาพโป๊ ภาพคนร่วมประเวณี ถ่ายทอดสดแก้ผ้า  มาตรา 14(4) การโพสต์ภาพลามกเช่นการแก้ผ้า ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว หรือการถ่ายทอดสดโดยทยอยถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น เพื่อกระชากเรทติ้ง หรือยอดไลค์ ไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว

                6.เผยแพร่ส่งต่อ(แชร์) ข้อมูลหลอกลวงหรือทุจริต กระทบต่อความมั่นคง ก่อการร้าย ลามก มาตรา 14 (5)และวรรคท้าย พวกที่ชอบแชร์โดยปราศจากการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เช่น อ้างว่าจะมีการก่อการร้ายหรือจะมีการก่อวินาศกรรม หรือจะมีการวางระเบิดตามสถานที่ราชการซึ่งเป็นความเท็จทำให้ประชาชนตกใจ รวมทั้งข้อมูลหลอกลวงต้มตุ๋นทั้งหลาย ผู้ที่แชร์ก็จะมีความผิดตามกฎหมายใหม่

                7.รู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิด มีความผิดตามมาตรา 15 เช่น ไม่ยอมลบความคิดเห็นที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น มาตรานี้บัญญัติว่า ผู้ที่มีข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่ผิดกฎหมายนี้อยู่ในความครอบครอง ต้องระวางโทษหรือถูกลงโทษเช่นเดียวกับ ผู้ที่โพสต์ข้อมูลหรือแชร์ข้อมูล

                8.ตัดต่อภาพคนเป็นและคนตาย ทำให้คนอื่นอับอายเสียชื่อเสียง มาตรา 16 โพสต์ภาพคนตายหรือตัดต่อภาพคนตาย เช่น ภาพคนถูกระเบิดจนอวัยวะขาด หรือภาพหญิงที่ถูกกระทำชำเรา หรือภาพเปลือยที่ตัดต่อขึ้นเอง เป็นต้น

                9.ติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่มีความผิด มาตรา 16 วรรคสาม (ไม่ใช่ใส่ร้ายบุคคลอื่นหรือใส่ร้ายหน่วยงานของรัฐโดยขาดเหตุผลมูลความจริงและหลักฐาน เช่น วิพากษ์วิจารย์หน่วยงานของรัฐเพราะเกลียดเป็นการส่วนตัว โพสต์เฟสบุ๊คทุกวันด่าหน่วยงานของรัฐโดยขาดพยานหลักฐานเป็นต้น) การติชมหน่วยงานของรัฐ เช่น มีพยานหลักฐานตามสมควรว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต รับสินบน รีดไถ สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่มีพยานหลักฐานไม่สามารถทำได้อีกต่อไป

                10.ไม่ทำลายข้อมูลที่ศาลมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด มาตรา 16/1 และมาตรา 16/2 เป็นกรณีที่ศาลพิพากษาแล้วว่าจำเลยมีความผิด ศาลจะสั่งให้ทำลายข้อมูลหรือให้โฆษณาในสื่อ โดยจำเลยจะต้องเป็นผู้ชำระค่าโฆษณาหรือเผยแพร่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องหรือเพื่อให้ชื่อเสียงของผู้เสียหายกลับคืนมา คล้ายกับคดีหมิ่นประมาท หากไม่ทำลายก็จะต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด

                11.ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เอาลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้าของคนอื่นมาใช้ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีมีอำนาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงหลักฐานต่อศาล ขอให้มีคำสั่งระงับหรือลบข้อมูลนั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้ ตามมาตรา 20

                12.ข้อมูลที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีต่อประชาชน เช่น ยุยงส่งเสริมให้ประชาชนเกลียดเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือชักชวนให้ใช้ความรุนแรงหรือเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เป็นต้น มาตรา 20

                13.มีข้อมูลที่ศาลสั่งให้ทำลายอยู่ในความครอบครองไม่ยอมทำลาย มาตรา 16/2 จะมีบทลงโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 หรือมาตรา 16 แล้วแต่กรณี

                หากท่านใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีความผิดตามกฎหมายใหม่

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก