โครงการหมู่บ้าน / บริษัท รปภ. ใครต้องรับผิดในกรณีบ้านในโครงการถูกโจรกรรม|โครงการหมู่บ้าน / บริษัท รปภ. ใครต้องรับผิดในกรณีบ้านในโครงการถูกโจรกรรม

โครงการหมู่บ้าน / บริษัท รปภ. ใครต้องรับผิดในกรณีบ้านในโครงการถูกโจรกรรม

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

โครงการหมู่บ้าน / บริษัท รปภ. ใครต้องรับผิดในกรณีบ้านในโครงการถูกโจรกรรม

ทนายคลายทุกข์ขอนำคดีตัวอย่าง เกี่ยวกับ โครงการหมู่บ้าน / บริษัท รปภ. ใครต้องรับผิด

บทความวันที่ 28 ต.ค. 2553, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 6805 ครั้ง


โครงการหมู่บ้าน / บริษัท รปภ. ใครต้องรับผิดในกรณีบ้านในโครงการถูกโจรกรรม

          ทนายคลายทุกข์ขอนำคดีตัวอย่าง เกี่ยวกับ โครงการหมู่บ้าน / บริษัท รปภ. ใครต้องรับผิดในกรณีบ้านในโครงการถูกโจรกรรม คดีนี้  โจทก์ฟ้องโดยได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค  พ.ศ.2551 มาตรา 18 วรรคหนึ่ง ว่าจำเลยที่ 1  เป็นนิติบุคคลประเภท บริษัทจำกัด  มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการบริการรักษาความปลอดภัยให้กับทรัพย์สิน  บุคคล  และอาคารสถานที่  จำเลยที่  2  เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมหาชน ประกอบธุรกิจขายบ้านพร้อมที่ดิน  โครงการบ้าน.....เทพารักษ์  โจทก์เป็นเจ้าของของบ้านเลขที่ ....... หมู่ที่  1  ตำบลแพรกษา  อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ  ซึ่งปลูกสร้างอยู่ในโครงการดังกล่าว  โดยซื้อมาจากจำเลยที่  2  โครงการบ้าน.....เทพารักษ์   ยังอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่  2   เนื่องจากยังมีการก่อสร้างอยู่   จำเลยที่  2  ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 1  ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่บรรดาทรัพย์สินของจำเลยที่ 2  ตลอดจนบริวารและลูกค้าทุกคนที่พักอาศัยอยู่ในโครงการดังกล่าว   เมื่อระหว่างวันที่  4-5  มิถุนายน  2552  บ้านของโจทก์ถูกโจรกรรม ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์สูญหายไปหลายรายการ คือ เงินสดจำนวน 150,000  บาท  คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก  จำนวน 1 เครื่อง  ราคา 90,000  บาท   กล้องถ่ายรูป  จำนวน 1 เครื่อง ราคา 40,000 บาท สร้อยข้อมือทองคำหนักสามบาท จำนวน  1  เส้น  ราคา  45,000 บาท สมุดสะสมธนบัตรเก่า  จำนวน 1  เล่ม  ราคา  30,000  บาท สมุดสะสมแสตมป์เก่า จำนวน 1 เล่ม  ราคา    20,000   บาท  สายสัญญาณโทรทัศน์  จำนวน 1 เส้น ราคา 3,000 บาท และวิทยุพกพาจำนวน  1  เครื่อง ราคา 3,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 381,000 บาท  โจทก์เรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดชอบเนื่องจากเหตุโจรกรรมเกิดจากความประมาทเลินเล่อของพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1   ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 1  ในฐานะนายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างของตนในผลแห่งละเมิดด้วย  ซึ่งจำเลยที่ 1 จะขอรับผิดต่อโจทก์เพียง  20,000  บาท  จำเลยที่ 2  ในฐานะคู่สัญญากับจำเลยที่  1  ที่ได้ทำสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลภายนอกซึ่งรวมถึงโจทก์ด้วย    จะต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาด้วย  และจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการที่ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 1  และพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนในการรักษาความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของบริวารและลูกค้าทุกคนที่พักอาศัยอยู่ในโครงการ  จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1  ขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 381,000 บาท  พร้อมดอกเบี้ยร้อยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
          จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับฝากทรัพย์ที่สูญหายจากโจทก์  จำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของโจทก์ที่สูญหาย  ทรัพย์สินที่สูญหายอยู่ในความครอบครองของโจทก์  โจทก์ไม่เคยแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบถึงความมีอยู่จริงของทรัพย์สินดังกล่าว  เพื่อให้จำเลยที่ 1 ดูแลรักษาเป็นพิเศษแต่อย่างใด ทรัพย์สินที่สูญหายไม่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยข้อ  12.2  โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง   จำเลยที่  1   ทำสัญญากับกองทุนบ้าน.....เทพารักษ์  เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่บรรดาทัพย์สินของผู้ว่าจ้างตลอดจนบริวารและลูกค้าที่พักอาศัยในโครงการหมู่บ้าน.....เทพารักษ์  และจำเลยที่  1  ปฏิบัติตามสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี    จำเลยที่  1  ไม่เคยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย  และไม่เคยประมาทเลินเล่อทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ว่าจ้างแต่อย่างใด  ทรัพย์สินของโจทก์ที่สูญหายไปดังกล่าวเกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์  จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์  ตามสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยกำหนดให้ผู้รับจ้างรับผิดไม่เกินหนึ่งเท่าของค่าบริการที่ผู้รับจ้างได้รับตามสัญญาจ้าง  แต่ผู้เสียหายจะต้องแสดงหลักฐานการมีกรรมสิทธิ์ครอบครองทรัพย์สินที่เสียหายหรือสูญหาย  เพื่อพิสูจน์ว่าทรัพย์นั้นมีอยู่จริงในขณะเสียหายหรือสูญหาย  แต่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ มาแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินนั้นมีอยู่จริงในขณะเกิดเหตุ  โจทก์ประเมินความเสียหายตามฟ้องขึ้นเอง     ขอให้ยกฟ้อง
          จำเลยที่ 2 ให้การว่า  โจทก์ไม่ได้ทำสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยกับจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด  สัญญาจ้างดังกล่าวทำขึ้นระหว่างกองทุนบ้าน.....เทพารักษ์ กับจำเลยที่ 1 และสัญญาดังกล่าวมิใช่สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกที่มีข้อกำหนดว่าจำเลยที่  2  จะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่  1  โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่  2  มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์  เนื่องจากจำเลยที่ 2 ใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างดีในการจัดหาบริษัทรักษาความปลอดภัยเพื่อมาดูแลทรัพย์สินในโครงการของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์ถูกโจรกรรมตามฟ้องแต่อย่างใด  จำเลยที่ 2 มิได้เป็นายจ้างของจำเลยที่ 1 และมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำละเมิดกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงมิต้องรับผิดในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ 1 เช่นเดียวกัน หน้าที่และความรับผิดดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่  1  และพนักงานของจำเลยที่  1  สัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยเป็นสัญญาจ้างทำของ  และจำเลยที่ 2 ได้ส่งมอบพื้นที่ภายในหมู่บ้านให้แก่จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้รับจ้างโดยเด็ดขาดแล้ว  จำเลยที่  2  มิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก  พื้นที่โครงการจึงอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 จำเลยที่  1  มิได้เป็นตัวการหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดหากจำเลยที่  1  ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์  จำเลยที่ 1 ไม่อาจทราบได้ว่าทรัพย์สินของโจทก์จะถูกโจรกรรมไปจริงหรือไม่   เนื่องจากโจทก์แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่  8  มิถุนายน  2552   แต่ภาพถ่าย
          ท้ายฟ้องโจทก์ถ่ายไว้เมื่อวันที่  2  มกราคม  2551  จำเลยที่  2  ไม่ทราบว่าโจทก์มีทรัพย์สินที่สูญหายตามฟ้องหรือไม่   เนื่องจากไม่ปรากฎหลักฐานว่าโจทก์มีทรัพย์สินดังกล่าวจริง   คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก  กล้องถ่ายรูป  สายสัญญาณทีวี  และวิทยุพกพา  เป็นทรัพย์สินที่เสื่อมสภาพและเสื่อมราคาไปตามการใช้งาน  ราคาที่โจทก์เรียกร้องมาสูงกว่าความเป็นจริง  สมุดสะสมธนบัตรเก่าและสมุดสะสมแสตมป์เก่า  ก็เป็นการกะประมาณราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงเช่นเดียวกัน  และเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ จำเลย   ที่ 2 ไม่อาจต่อสู้คดีได้อย่างถูกต้อง  ฟ้องโจทก์ในส่วนของค่าเสียหายจึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม  โจทก์ไม่เคยแจ้งว่าจะให้จำเลยที่  2  ดูแลสิ่งใดเป็นกรณีพิเศษโดยเฉพาะซึ่งเป็นไปตามสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัย  จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์  จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามสัญญาจ้างรักษาความปลอดภัยครบถ้วนแล้ว  จำเลยที่  2  มิได้ปล่อยปละละเลยหรือประมาทเลินเล่อ   จำเลยที่  2  ไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต  เนื่องจากพนักงานสอบสวนแจ้งแก่โจทก์แล้วว่าต้องพักเรื่องการถูกโจรกรรมไว้ก่อนเนื่องจากไม่มีหลักฐานที่จะระบุได้ว่าการโจรกรรมเป็นฝีมือของผู้ใด  จึงไม่อาจสรุปได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
           ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยทั้งสองแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน  101,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 19 ตุลาคม 2552)  เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์  กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์  โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000  บาท  เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี  โดยให้จำเลยทั้งสองนำค่าขึ้นศาลมาชำระต่อศาลในนามของโจทก์  คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

จะไปขอดูคำพิพากษาได้ที่ไหนครับ

มีกรณีเดียวกันนี้เลยหมู่บ้านอ้างว่า

๑ ของที่หายเคลื่อนย้ายได้ พิสูจน์ไม่ได้ว่าหายจริง (แต่ไม่เคยมาพิสูจน์)

๒ สัญญากับบริษัท รปภ ไม่ได้ทำประกันทรัพย์สินไว้ เลยไม่จ่าย (เรื่องของหมู่บ้านที่ต้องทำประกันเอง)

คดีตัวอย่างนี้ทนายที่นี่ว่าความให้หรือเปล่าครับ จะติดต่อทนายคดีนี้ได้ที่ไหน ท่าทางคงจะเก่ง

สงสัยว่าศาลให้เหตุผลอะไรไหมว่าของหายจริง หรือไม่จำเป็นครับ

ขอบคุณอย่างแรงๆ

โดยคุณ paulo 15 ธ.ค. 2553, 11:02

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก