เจ้าของสินค้ามอบสินค้าให้นำไปขาย มีข้อตกลงว่าเมื่อขายได้ต้องนำเงินมาให้ตามราคาที่กำหนด ขายในราคาสูงกว่าก็ได้ เงินที่ขายได้เกินราคา เป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่ผิดยักยอก
ลองอ่านฎีกาใหม่และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เอาไปใช้ประโยชน์ได้นะครับ
คำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิง
1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4932/2543
โจทก์ร่วมและจำเลยค้าขายเพชรด้วยกัน และโจทก์ร่วมเป็นหนี้จำเลย การที่โจทก์ร่วมมอบแหวนเพชรให้จำเลยไปจำหน่าย จำเลยจะต้องนำเงินมาชำระค่าแหวนเพชรตามที่ได้ตกลงกัน กรณีมิใช่จำเลยได้รับมอบหมายให้รับแหวนเพชรไว้ในฐานะตัวแทนโจทก์ร่วม แต่เป็นกรณีที่โจทก์ร่วมให้นำไปจำหน่ายแม้เมื่อถึงกำหนดชำระราคาจำเลยไม่นำเงินไปชำระให้โจทก์ร่วม ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง จึงไม่มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกา ศาลฎีกาก็สามารถหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5043/2542
การที่โจทก์ร่วมมอบเศษอคริลิคไฟเบอร์ให้จำเลยนำไปขายนั้น เป็นกรณีที่จำเลยสามารถขายเศษอคริลิคไฟเบอร์ได้ตามราคาที่จำเลยได้ต่อรองกับฝ่ายผู้ซื้อ และเป็นการขายในนามของร้านค้าจำเลยเอง มิใช่ในนามของโจทก์ร่วม เงินที่ได้จากการขายเศษอคริลิคไฟเบอร์จึงตกเป็นของจำเลยจำเลยมีหน้าที่ต้องชดใช้ราคาเศษอคริลิคไฟเบอร์และแบ่งผลกำไรที่ได้ให้แก่โจทก์ร่วมเท่านั้น จำเลยมิได้ครอบครองเงินที่ได้จากการขายเศษอคริลิคไฟเบอร์ไว้แทนโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยไม่คืนเงินนั้นให้แก่โจทก์ร่วม จึงเป็นการผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5651/2541
โจทก์ร่วมได้มอบทรัพย์แก่จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปขาย โดยจำเลยจะกำหนดราคาขายมากหรือน้อยหรือจะจัดการแก่ทรัพย์ นั้นอย่างไรก็ได้ จำเลยเพียงแต่มีหน้าที่ต้องนำเงินตามราคา ที่โจทก์ร่วมกำหนดไว้หรือนำทรัพย์สินมาคืนแก่โจทก์ร่วมเท่านั้น การที่จำเลยไม่ยอมนำทรัพย์ตามฟ้องมาคืนหรือมอบเงินแก่ โจทก์ร่วมถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาทางแพ่งต่อโจทก์ร่วม เท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
4.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2532
โจทก์มอบพลอยจำนวน 3 หมู่ให้จำเลยไปขายโดย กำหนดราคาขั้นต่ำไว้ จำเลยจะขายในราคาสูงกว่าก็ได้ ลักษณะเช่นนี้จำเลยย่อมมีสิทธิขายพลอยอย่างเป็นของของตนเอง หาใช่เป็นตัวแทนไปขายในนามของโจทก์ไม่ แม้จะมีข้อตกลงให้ค่าตอบแทนแก่จำเลยเป็นเงิน 3 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ขายได้ ก็ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเปลี่ยนแปลงไป เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ยอมคืนพลอยหรือใช้ เงินให้โจทก์เป็นเพียงผิดข้อตกลงกัน ซึ่ง โจทก์จะต้อง ใช้ สิทธิเรียกร้องแก่จำเลยในทางแพ่ง หาเป็นเรื่องมีมูลความผิดในทางอาญาฐานยักยอกไม่.
5.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6035/2531
โจทก์ร่วมมอบสร้อยคอทองคำให้จำเลยไปขาย จำเลยจะขายได้ราคาสูงเท่าใดก็เป็นเรื่องของจำเลย แต่จำเลยต้องนำเงิน 3,500 บาทมาคืนให้โจทก์ร่วม ดังนี้ กรณีมิใช่จำเลยได้รับมอบหมายสร้อยไว้แทนโจทก์ร่วม แต่เป็นการขายเชื่อสร้อยคอทองคำให้จำเลย เมื่อจำเลยไม่คืนหรือชำระราคาสร้อยคอทองคำให้โจทก์ก็เป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
6.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3090/2522
ผู้เสียหายมอบเครื่องเพชรให้จำเลยไปขาย โดยผู้เสียหายคิดเอาราคา 32,300 บาท มีข้อตกลงกันว่าจำเลยจะจ่ายเงินตามราคาของให้เมื่อครบ 1 เดือนนับแต่วันเอาของไปถ้าขายไม่ได้จะคืนของให้ภายใน 1 เดือนเช่นกัน โดยไม่ได้จำกัดว่าจำเลยจะต้องขายในราคาเท่าใด เช่นนี้เงินที่ขายเครื่องเพชรดังกล่าวได้จึงตกเป็นของจำเลย เพียงแต่จำเลยมีความผูกพันว่าจะต้องนำเงิน 32,300 บาทมาคืนให้แก่ผู้เสียหายตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น กรณีจึงมิใช่จำเลยได้รับมอบหมายให้รับเครื่องเพชรหรือราคาเครื่องเพชรไว้แทนผู้เสียหาย แต่เป็นกรณีผู้เสียหายขายเชื่อเครื่องเพชรให้จำเลยไป แม้จำเลยไม่จ่ายเงินแก่ผู้เสียหาย และไม่คืนเครื่องเพชรก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดอาญาฐานยักยอกตามที่โจทก์ฟ้อง
#ปรึกษาคดี โทร.02-9485700, 081-6161425, 081-8217470,081-6252161
#ตัวแทนขายสินค้า #ยักยอก #การรับสินค้าไปขาย #เบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตน #ผิดสัญญาทางแพ่ง
#ทนายคลายทุกข์