ให้กู้นอกระบบดอกโหดระวังติดคุกโดยไม่รอลงอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2564
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างประมาณต้นเดือนธันวาคม 2561 ถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2561 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองซึ่งมิใช่นิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดและสถาบันการเงิน ได้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ต้องขออนุญาตตามประกาศกระทรวงการคลัง โดยจำเลยทั้งสองจัดหามาซึ่งเงินทุน แล้วให้นาง ล. กู้ยืมเงินของจำเลยทั้งสองโดยไม่มีทรัพย์หรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน อันเป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 และตามประกาศกระทรวงการคลัง โดยจำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบธุรกิจดังกล่าวในทางการค้าเป็นปกติ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยจำเลยทั้งสองร่วมกันให้นาง ล. กู้ยืมเงิน 10,000 บาทและให้นาง ส. กู้ยืมเงิน 10,000 บาท และให้กู้ยืมเงินแก่บุคคลอีกหลายราย โดยกระทำการอันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 50 ต่อเดือน (เท่ากับ 600 ต่อปี) จำเลยทั้งสองเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปีตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 เวลากลางวัน ภายหลังจากที่จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว จำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ โดยรับจ้างทวงถามหนี้กู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นเป็นปกติธุระ โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ต่อนายทะเบียน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ภายหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมเงินสด 2,000 บาท ที่จำเลยทั้งสองทวงถามหนี้เก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดจากผู้กู้ยืมอันเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดดังกล่าว ยึดไว้เป็นของกลางและเงินสด 2,000 บาท เจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้ เหตุเกิดที่จังหวัดหนองบัวลำภู ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 มาตรา 4 พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 มาตรา 3,5,39 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 5, 16 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 ริบเงินสด 2,000 บาท ของกลาง
จำเลยทั้่งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 มาตรา 4(1) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 5(7), 16 พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 มาตรา 5, 39 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจทวงถามหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 12 เดือน ริบเงินสด 2,000 บาท ของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ฐานร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จำคุกคนละ 8 เดือน ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 4 เดือน และฐานร่วมกันประกอบธุรกิจทวงถามหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกคนละ 4 เดือน ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4