ศาลยกฟ้องไฟแนนซ์ ไม่ได้เอาต้นฉบับเอกสารไปส่งศาล อุทาหรณ์ทนายไฟแนนซ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2563
คดีผู้บริโภค จำเลยไม่มาศาลในนัดวันพิจารณาซึ่งให้ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไต่สวนพยานเกี่ยวกับข้ออ้างของโจทก์ไปฝ่ายเดียว ในการอ้างสัญญาเช่าซื้อเป็นพยานจึงรับฟังได้แต่ต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7 การที่ทนายโจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่อยมส่งต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อให้ทนายโจทก์ไม่ใช่เป็นกรณีที่ต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้อันเป็นเหตุที่โจทก์จะขออนุญาตศาลให้นำสำเนามาให้ศาลไต่สวน แม้จำเลยไม่ได้คัดค้านการนำสำเนาสัญญาเช่าซื้อมาสืบและตามบทบัญญัติดังกล่าวให้ศาลรับฟังสำเนาเอกสารเช่นว่านั้นเป็นพยานหลักฐานได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ตัดอำนาจศาลตามมาตรา 125 วรรคสาม กล่าวคือ เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลมีอำนาจไต่สวนและชี้ขาดในเรื่องการมีอยู่ ความแท้จริง หรือความถูกต้องแห่งสำเนาสัญญาเช่าซื้อได้ เมื่อโจทก์ไม่มีต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อมาแสดงเป็นพยานหลักฐาน จึงไม่อาจรับฟังสำเนาเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานได้
โจทก์ยื่นต้นฉบับสัญญาเช่าซื้่อมาพร้อมกับฎีกาเป็นการยื่นล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว แม้จำเลยไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาซึ่งถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การก็ตาม แต่ศาลจะมีคำพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การมิได้ เว้นแต่ศาลเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 198 ทวิ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา7 การที่โจทก์เพียงแต่ส่งสำเนาสัญญาเช่าซื้อเป็นพยานหลักฐานต่อศาลโดยไม่มีต้นฉบับเอกสารมาแสดงต่อศาล จึงเป็นการไม่ชอบคดีของโจทก์ไม่มีมูล