โจทก์อยู่สหรัฐ ส่งหนังสือมอบอำนาจทางจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ ทนายใช้เป็นพยานนำส่งศาล อ้างโจทก์ลงลายมือชื่อต่อหน้า ใช้ไต่สวนสืบหาทรัพย์สินของจำเลยเป็นการปลอมและใช้เอกสารปลอมต่อศาล ผิดละเมิดอำนาจศาล
การบังคับคดี หากเจ้าหนี้เชื่อว่าลูกหนี้มีทรัพย์สิน แต่ไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ที่ใดบ้าง เจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกลูกหนี้มาใต่สวนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2563
ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนเพื่อสืบหาทรัพย์สินของจำเลย ระหว่าง ไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาเบิกความว่าหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ร.1 จัดทำขึ้นที่สำนักงานทนายความของผู้ถูกกล่าวหา และโจทก์ลงลายมือชื่อต่อหน้าผู้ถูกกล่าวหาศาลชั้นต้นสงสัยว่า โจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจจริงจึงได้ร่วมกับคู่ความอื่นตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาแถลงยอมรับว่า โจทก์อาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและส่งหนังสือมอบอำนาจมาให้ผู้ถูกกล่าวหาทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ถูกกล่าวหาพิมพ์หนังสือมอบอำนาจจากเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหานำหนังสือมอบอำนาจที่มิได้ลงลายมือชื่อจริงของผู้มอบอำนาจมาใช้เป็นพยานในศาลเป็นการปลอมและใช้เอกสารปลอมต่อศาล การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหามีกำหนด 15 วัน เมื่อพิจารณาถึงการให้การรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหา เห็นสมควรให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2326/2559
คำร้องของโจทก์ที่ระบุว่า โจทก์ได้ดำเนินการสืบหาทรัพย์ของจำเลยแล้ว ปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้แก่โจทก์ได้ แต่ตามฐานะความเป็นอยู่ของจำเลยเชื่อว่าจำเลยมีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับมากกว่าที่ตนทราบแล้ว ย่อมมีความหมายในตัวเองว่าโจทก์เห็นว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นซึ่งโจทก์ยังไม่สามารถติดตามจนพบเพื่อบังคับคดีได้ จึงต้องขอให้ศาลเรียกจำเลยมาไต่สวนให้ได้ความจริง การที่โจทก์ไม่อาจนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ได้เพราะยังไม่พบว่าจำเลยมีทรัพย์สินใด กรณีนี้มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ทราบว่าจำเลยมีทรัพย์สินใดเป็นที่แน่ชัดแล้ว แต่จะอาศัย ป.วิ.พ.มาตรา 277 เป็นเครื่องมือติดตามตัวทรัพย์สินหรือเพื่อให้ทราบสถานที่ตั้งของทรัพย์สินนั้น จึงมีเหตุสมควรที่จะรับคำร้องของโจทก์และมีหมายเรียกจำเลยมาไต่สวนทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 277 วรรคหนึ่งฯลฯ
หากโจทก์สืบหาทรัพย์สินลูกหนี้ไม่ได้ ใช้วิธียื่นคำร้องให้ศาลเรียกจำเลยมาไต่สวนสอบถามถึงทรัพย์สินของจำเลยว่าอยู่ที่ใหน ในชื่อใครถือกรรมสิทธิไว้แทนจำเลยบ้างฯ จะเป็นทางออกที่ดีสำหรับโจทก์เจ้าหนี้ เพราะหากลูกหนี้เบิกความเท็จ นำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ อาจมีความทางอาญา ตาม ป.อ.มาตรา 177,180 ฯ ตามฎีกา 3107/2552