โจทก์แจ้งความร้องทุกข์คดีฉ้อโกง ถือว่าโจทก์จะใช้สิทธิทางศาลแล้ว เมื่อจำเลยยกที่ดินให้แก่บุตร จึงมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8905/2561
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบและพฤติการณ์จำเลยยืนยันและแสดงให้เห็นว่าโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้ และจำเลยรู้แล้วว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้ นั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 นั้น เจ้าหนี้ต้องใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว และลูกหนี้รู้ว่าเจ้าหนี้ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิดังกล่าวแล้วยังโอนทรัพย์สินให้ผู้อื่น โดยมีมูลเหตุจูงใจเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยข้อหาฉ้อโกงเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2552 ก่อนวันที่ 28 มกราคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยโอนที่ดินให้แก่บุตรทั้งสองของจำเลย การร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนของโจทก์ย่อมนำไปสู่การยื่นฟ้องคดีอาญาของพนักงานอัยการ ซึ่งรวมถึงการเรียกทรัพย์สินหรือราคาที่โจทก์ต้องสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดแทนโจทก์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 อีกทั้งเมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดี โจทก์จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการตามมาตรา 30 หรือไม่ก็ได้ ดังนั้น โดยการร้องทุกข์ของโจทก์ ไม่ว่าต่อมาโจทก์จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์หรือไม่ ก็มีผลเป็นการเรียกร้องทรัพย์สินหรือราคาที่โจทก์สูญเสียไปจากการกระทำความผิดคืนโดยพนักงานอัยการดำเนินการแทนแล้ว โจทก์ไม่จำต้องทวงถามหรือฟ้องคดีแพ่งเพื่อบังคับชำระหนี้อีก การร้องทุกข์ของโจทก์จึงเป็นกรณีที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้แล้ว เมื่อปรากฏว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำเข้าสืบเมื่อวันที่ 26 และ 27 พฤศจิกายน 2552 เพื่อหักล้างพยานหลักฐานของจำเลยในคดีแพ่งที่จำเลยฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยนำสืบให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเงินโจทก์ และโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยแล้ว จำเลยจึงรู้แล้วว่าโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล การที่หลังจากนั้นจำเลยโอนที่ดินให้บุตรทั้งสองของจำเลยจึงเป็นไปเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 350 ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา หนังสือรวมคำบรรยายภาค 1 สมัยที่ 73 ปี พ.ศ.2563 เล่ม 6