ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถคืนโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ไม่ต้องจ่ายค่าขาดราคา|ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถคืนโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ไม่ต้องจ่ายค่าขาดราคา

ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถคืนโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ไม่ต้องจ่ายค่าขาดราคา

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถคืนโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ไม่ต้องจ่ายค่าขาดราคา

  • Defalut Image

กรณีที่ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อโดยไม่มีการผิดสัญญา

บทความวันที่ 15 พ.ค. 2563, 09:18

มีผู้อ่านทั้งหมด 2630 ครั้ง


ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถคืนโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ไม่ต้องจ่ายค่าขาดราคา

              กรณีที่ผู้เช่าซื้อส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อโดยไม่มีการผิดสัญญา สัญญาเช่าซื้อจึงเลิกกันนับแต่วันที่ส่งมอบรถยนต์ โดยผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาจากผู้เช่าซื้อ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2562
          ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2555 มิได้กำหนดให้สัญญาเช่าซื้อต้องมีข้อสัญญาเกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญาโดยโดยผู้เช่าซื้อคืนและส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ ทั้งมิได้ห้ามมิให้ผู้เช่าซื้อกำหนดข้อสัญญาที่ให้สิทธิผู้ให้เช่าซื้อเรียกค่าขาดราคาในกรณีผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาโดยการคืนและส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อแต่อย่างใด ข้อสัญญาข้อ 12 และข้อ 13 จึงไม่ขัดกับประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาดังกล่าว การที่จำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญาโดยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่โจทก์ก่อนถึงกำหนดชำระค่าเช่าซื้องวดประจำวันที่ 5 มีนาคม 2557 โดยไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 มีเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ ตามสัญญาอยู่ในเวลาที่จำเลยที่ 1 คืนและส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับของสัญญาเช่าซื้อข้อ 12 เนื่องจากข้อสัญญาดังกล่าวจะใช้บังคับต้องได้ความว่าผู้เช่าซื้อมีเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญาอยู่ในเวลาที่ผู้เช่าซื้อคืนละส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่ผู้เช่าซื้อ แต่ถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อตาม   ป.พ.พ. มาตรา 573 ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของโดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง ซึ่งเป็นกรณีที่กฎหมายให้สิทธิแก่ผู้เช่าซื้อที่จะบอกเลิกสัญญาได้โดยไม่มีการผิดสัญญา ดังนี้ สัญญาเช่าซื้อจึงเป็นอันเลิกกันนับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ เมื่อสัญญาเลิกกันโดยจำเลยที่ 1 มิได้ประพฤติผิดสัญญาแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาจากจำเลยทั้งสอง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ให้การต่อสู้ไว้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142(5) ประกอบพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา7

ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 573
  ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ด้วยส่งมอบทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของโดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 142  คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลที่ชี้ขาดคดีต้องตัดสินตามข้อหาในคำฟ้องทุกข้อ แต่ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง เว้นแต่
(1) ในคดีฟ้องเรียกอสังหาริมทรัพย์ ให้พึงเข้าใจว่าเป็นประเภทเดียวกับฟ้องขอให้ขับไล่จำเลย ถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เมื่อศาลเห็นสมควรศาลจะมีคำสั่งให้ขับไล่จำเลยก็ได้ คำสั่งเช่นว่านี้ให้ใช้บังคับตลอดถึงวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยที่อยู่บนอสังหาริมทรัพย์นั้น ซึ่งไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้
(2) ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ใด ๆ เป็นของตนทั้งหมด แต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งนั้นก็ได้
(3) ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้อง เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยจนถึงวันที่ได้ชำระเสร็จตามคำพิพากษาก็ได้
(4) ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าหรือค่าเสียหายอันต่อเนื่องคำนวณถึงวันฟ้อง เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาให้ชำระค่าเช่าและค่าเสียหายเช่นว่านี้จนถึงวันที่ได้ชำระเสร็จตามคำพิพากษาก็ได้
(5) ในคดีที่อาจยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างได้นั้น เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะยกข้อเหล่านั้นขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปก็ได้
(6) ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยซึ่งมิได้มีข้อตกลงกำหนดอัตราดอกเบี้ยกันไว้ เมื่อศาลเห็นสมควรโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดี ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามกฎหมายแต่ไม่เกินร้อยละสิบห้าต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องหรือวันอื่นหลังจากนั้นก็ได้

พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551
 มาตรา 7
   กระบวนพิจารณาคดีผู้บริโภคให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้และข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาตามมาตรา 6 ในกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติและข้อกำหนดดังกล่าว ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม

 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก