การขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ร่วมอ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย ต้องมีเหตุผลอันสมควร เชื่อว่าเป็นผู้เสียหายจริง
การจะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ แม้โจทก์และจำเลยทั้งสองจะแถลงต่อศาลว่า ส. เป็นผู้เสียหาย และเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกลักไป แต่ตามฟ้องกับระบุว่าทรัพย์นั้นเป็นของ ร. ผู้เสียหาย โดยโจทก์ไม่ได้อ้างเหตุผลอย่างไรที่แถลงแตกต่างไปเช่นนั้น จึงยังฟังไม่ได้ว่า ส. เป็นผู้เสียหายที่จะยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม
ที่มา : หนังสือรวมคำบรรยาย ภาค 2 ปีการศึกษา 2562 เล่มที่ 12
ตัวบทกฏหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 2 ในประมวลกฎหมายนี้
(4) “ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 4, 5 และ 6
มาตรา 30 คดีอาญาใดซึ่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนั้นก็ได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 2979/2562
ตามฟ้องโจทก์อ้างว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ถูกลักไปเป็นของ ร. ผู้เสียหายในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ส. ยื่นคำร้องอ้างว่า ตนเป็นผู้เสียหายเพราะเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกลักไป ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ โดยโจทก์และจำเลยทั้งสองแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ส. เป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกลักไป และไม่คัดค้านที่ ส. จะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ แม้คำแถลงของโจทก์และจำเลยทั้งสองจะเป็นประโยชน์แก่ ส. แต่คำแถลงของโจทก์เกี่ยวกับตัวผู้เสียหายแตกต่างไปจากฟ้อง โดยโจทก์ไม่ได้อ้างว่ามีเหตุผลอย่างไรที่แถลงแตกต่างไปเช่นนั้น ดังนี้ กรณียังไม่อาจรับฟังว่า ส. เป็นผู้เสียหายไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30