คดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี ห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาฎีกาที่ 115/2562
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 60,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลย ดังนี้ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จะรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยอันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ที่โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษจำคุกให้ก่ำเลยนั้นเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาฎีกาที่ 250/2562
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน โดยไม่รอการลงโทษศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 5,000 บาท อีกสถานหนึ่งแล้วรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยไว้ มีกำหนด 1 ปี ดังนี้ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 จะพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยอันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่เมื่อเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ร่วมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 การที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษจำคุกจำเลย เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 8 อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาฎีกาที่ 4491/25862
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 265, 268 วรรคแรกประกอบมาตรา 265, 335 (11) วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 265 (เดิม), 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 (เดิม), 335 (11) วรรคแรก (เดิม) ลงโทษปรับ 6,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงปรับ 3,000 บาท แล้วรอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติจำเลยไว้ อันเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 การที่โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอกการลงโทษจำคุกแก่จำเลยเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
ที่มา : หนังสือรวมคำบรรยายภาค 2 สมัยที่ 72 ปี พ.ศ.2562 เล่ม 7