ทำสัญญาเช่าโดยระบุค่าเช่าน้อยกว่าที่จ่ายจริง ผู้ให้เช่าฟ้องผู้เช่าไม่ได้
ผู้ให้เช่าและผู้เช่าทำสัญญากัน 2 ฉบับ ฉบับแรกที่ต้องการให้ผูกพันจริง ระบุค่าเช่าเดือนละ 1,800,000 บาท ฉบับที่สองระบุค่าเช่าเดือนละ 120,000 บาท และนำสัญญาเช่าฉบับที่สองไปจดทะเบียนการเช่าที่สำนักงานที่ดิน เพราะต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการเช่า สัญญาฉบับที่สองเป็นโมฆะ เพราะเป็นการแสดงเจตนาลวง ต้องบังคับตามสัญญาเช่าฉบับแรกซึ่งเป็นนิติกรรมที่ถูกอำพรางไว้ แต่ถือว่าผู้ให้เช่าและผู้เช่าประกอบธุรกิจโดยไม่สุจริต ผู้ให้เช่าจึงไม่สามารถฟ้องผู้เช่าให้รับผิดตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8727/2561
โจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 มีเจตนาเช่าที่ดินพิพาทกันตามสัญญาเช่าที่ดินฉบับที่ระบุค่าเช่าเดือนละ 1,800,000 บาท มิได้มีเจตนาที่จะผูกพันกันตามหนังสือสัญญาเช่าที่ดินฉบับที่ระบุค่าเช่าเดือนละ 120,000 บาท ที่ได้นำไปจดทะเบียนต่อสำนักงานที่ดิน ซึ่งทำขึ้นโดยมีเจตนาลวงโดยสมรู้กันระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ 1 เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระย่อมตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง จึงต้องผูกพันกันตามหนังสือสัญญาเช่าฉบับค่าเช่าเดือนละ 1,800,000 บาท ซึ่งเป็นนิติกรรมที่ถูกอำพรางตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคสอง แต่เมื่อโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาเช่า ระบุค่าเช่าต่ำกว่าความเป็นจริงและนำไปจดทะเบียนเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการเช่าและภาษีอากร ถือว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ประกอบธุรกิจโดยไม่สุจริตด้วยกัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 5 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ โจทก์ทั้งสองไม่อาจยกเอาความไม่สุจริตดังกล่าวขึ้นมาเรียกร้องค่าเช่าที่ดินและขับไล่จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินพิพาท โดยอาศัยหนังสือสัญญาเช่าที่ดิน ที่ระบุค่าเช่าที่ดินเดือนละ 1,800,000 บาท ซึ่งเป็นนิติกรรมที่ได้อำพรางไว้ได้ โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 (เดิม)
ตัวบทกฏหมายอ้างอิง
ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 5 ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต