แม้เจ้าของรถยนต์จะไม่ได้เป็นผู้ขับขี่ขณะเกิดเหตุ ก็ต้องรับผิดร่วมด้วย
ผู้ครอบครองยานพาหนะ ตามกฎหมายนั้นหมายความถึง ผู้ที่ใช้ยานพาหนะนั้นในฐานะเป็นผู้ยึดถือในขณะเกิดเหตุ ดังนั้นขณะเกิดเหตุผู้เป็นเจ้าของนั่งมาขณะเกิดเหตุ ก็ต้องรับผิดร่วมด้วย
ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 437 บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ความข้อนี้ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงบุคคลผู้มีไว้ในครอบครองของตน ซึ่งทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ หรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้ หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์นั้นด้วย
คำพิพากษาฎีกาที่ 5679/2545
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของรถยนต์ ซึ่งนาย ค. บุตรชายจำเลยนำรถดังกล่าวไปขับด้วยความประมาทพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้ นาย ค. ผู้ขับและนาย ส. บุตรชายโจทก์ทั้งสองถึงแก่ความตาย มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า จำเลยต้องรับผิดร่วมกับ นาย ค. ต่อโจทก์ทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 หรือไม่ เห็นว่า มาตรา 437 บัญญัติว่า " บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะอย่างใด ๆ อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น " ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ผู้ครอบครองหมายถึงผู้ใช้ยานพาหนะนั้นในฐานะเป็นผู้ยึดถือในขณะเกิดความเสียหาย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งหมายถึงผู้ที่ได้ครอบครองยานพาหนะนั้นอยู่ในขณะเกิดเหตุ แต่ข้อเท็จจริงในคดีฟังเป็นยุติว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ขับหรือโดยสารไปด้วยแม้จะมีชื่อในทะเบียนเป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุก็ตามก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์คันเกิดเหตุตามความหมายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 437 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น"