ผัวเมียไม่จดทะเบียนทรัพย์ที่ทำมาหาได้ร่วมกันเป็นของทั้ง 2 คน แต่ถ้าไม่ได้ร่วมกันทำมาหากิน ทรัพย์ตกเป็นของผู้ที่หาทรัพย์มา |ผัวเมียไม่จดทะเบียนทรัพย์ที่ทำมาหาได้ร่วมกันเป็นของทั้ง 2 คน แต่ถ้าไม่ได้ร่วมกันทำมาหากิน ทรัพย์ตกเป็นของผู้ที่หาทรัพย์มา 

ผัวเมียไม่จดทะเบียนทรัพย์ที่ทำมาหาได้ร่วมกันเป็นของทั้ง 2 คน แต่ถ้าไม่ได้ร่วมกันทำมาหากิน ทรัพย์ตกเป็นของผู้ที่หาทรัพย์มา 

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ผัวเมียไม่จดทะเบียนทรัพย์ที่ทำมาหาได้ร่วมกันเป็นของทั้ง 2 คน แต่ถ้าไม่ได้ร่วมกันทำมาหากิน ทรัพย์ตกเป็นของผู้ที่หาทรัพย์มา 

  • Defalut Image

1. คำพิพากษาฏีกาที่ 1033/2492

บทความวันที่ 3 พ.ค. 2562, 16:22

มีผู้อ่านทั้งหมด 3533 ครั้ง


ผัวเมียไม่จดทะเบียนทรัพย์ที่ทำมาหาได้ร่วมกันเป็นของทั้ง 2 คน แต่ถ้าไม่ได้ร่วมกันทำมาหากิน ทรัพย์ตกเป็นของผู้ที่หาทรัพย์มา 

1. คำพิพากษาฏีกาที่ 1033/2492
         โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ของมารดาโจทก์จากจำเลย ซึ่งเป็นสามีของมารดาโจทก์ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เมื่อปรากฎว่าทรัพย์เหล่านั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์ที่จำเลยร่วมแรงร่วมทุนกับมารดาโจทก์หาได้มาจำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้.
2. คำพิพากษาฏีกาที่ 515/2519
          ทรัพย์พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ แม้โจทก์จะได้รับมรดกในระหว่างอยู่กินฉันสามีภรรยากับจำเลยก็ตาม แต่เมื่อการอยู่กินฉันสามีภริยานั้นไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย จำเลยก็ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกับโจทก์ เพราะการที่โจทก์ได้รับมรดกย่อมไม่ใช่ทรัพย์ที่โจทก์และจำเลยร่วมหากันมา
3. คำพิพากษาฏีกาที่ 2102/2551
             จำเลยกับผู้ตายอยู่กินฉันสามีภริยากันโดยไม่จดทะเบียนสมรส จึงไม่ต้องพิจารณาว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสหรือไม่ คงต้องพิจารณาเฉพาะเรื่องกรรมสิทธิ์รวมว่าเป็นทรัพย์สินที่ซื้อหามาด้วยเงินที่ร่วมกันทำมาหาได้หรือไม่ เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ผู้ตายได้รับมาโดยการรับมรดกและโดยการให้โดยเสน่หา ย่อมไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินของผู้ตายเพียงผู้เดียว
            พินัยกรรมที่ผู้ตายทำขึ้นโดยใช้พิมพ์ดีดทั้งฉบับ ย่อมไม่ใช่พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับตาม ป.พ.พ. มาตรา 1657 คงเป็นแต่พินัยกรรมแบบธรรมดาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1656 ที่ต้องมีพยานรู้เห็นซึ่งมาตรา 1656 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่าผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน การที่พยานในพินัยกรรมพิพาทลงลายมือชื่อเป็นพยานภายหลังจึงขัดต่อบทบัญญัติดังกล่าวพินัยกรรมพิพาทย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1705 
 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 4

สวัสดีค่ะ...ขอเรียนปรึกษาปัญหาดังนี้ค่ะ.


ถ้าดิฉันเป็นเจ้าของเอกสาร อาทิเช่น:-

1.เอกสารตอบกลับจากหน่วยงานที่ตรวจสอบเกี่ยวกับสาธารนูปโภคหมู่บ้าน

(ตอนยื่นขอให้ตรวจสอบลงชื่อเเละเซ็นต์ในเอกสารเองคนเดียวค่ะ)

2. เอกสารในหมายศาลคดีดำของตัวเอง

3.เอกสารที่ไปขอคัดสำเนาจากสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเผื่อใช้มาเป็นฐานข้อมูลในคดีดำที่ถูกโครงการฟ้องว่าเเจ้งเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงานอำเภอตอนยื่นเอกสารขอความอนุเคราะห์ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบ่อตรวจคุณภาพน้ำของหมู่บ้าน.

(ตอนนี้คดีมีการไกล่เกลี่ยเเละสิ้นสุดเเล้วเเละดิฉันก็ไม่ได้มีความประสงค์จะดำเนินการใดต่อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหมู่บ้านอีก)


เเต่มีลูกบ้านบางท่านต้องการนำเอกสารบางส่วนจากเอกสารตามรายการด้านบนของดิฉันไปใช้ประโยชน์เพื่อยื่นร้องเรียนสคบหรือศูนย์ดำรงธรรมในนามส่วนตัวของลูกบ้านท่านนั้นเอง โดยที่ดิฉันซึ่งเป็นเจ้าของเอกสารก็ไม่ได้รับรู้หรือยินยอมให้นำเอกสารดังกล่าวไปใช้ โดยเขาได้สำเนาเอกสารดังกล่าวจากลูกบ้านอีกท่านนึงมา คนที่ดิฉันเคยสำเนาเอกสารฝากให้ช่วยเก็บตอนยังทำเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านด้วยกัน.


รับทราบในภายหลังว่ามีการดึงเอกสารบางส่วนจากหมายศาลของดิฉันเพื่อจะนำไปใช้ยื่นร้องเรียน ทั้งที่ดิฉันไม่ได้ยินยอมให้นำเอกสารไปใช้ เพราะไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเรื่องหมู่บ้านอีก.


*ตอนนี้นำเอกสารดังกล่าวไปลงบันทึกประจำวันที่ สถานีตำรวจเรียบร้อยเเล้วเเละพยายามบันทึกคลิปตัวเองเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นเเละสิ่งที่กังวลว่าเขาจะนำเอกสารไปใช้โดยไม่บอก เก็บไว้เผื่อใช้เป็นหลักฐาน.

**พยายามขอเอกสารคืนจากลูกบ้านที่เคยสำเนาเอกสารดังกล่าวให้ กลับคืนมาเเต่เขาก็ส่งคืนมาไม่ครบ มีเอกสารหลายฉบับหายไป บางชุดหายทั้งปึ๊งเลย(อย่างชุดที่ไปขอคัดสำเนาจากสำนักงานที่ดินจังหวัดเพื่อเผื่อใช้ในคดีบ่อตรวจ)


ทวงถามผ่านไลน์ไปเขาตอบกลับมาว่าไมมีเอกสารเเล้ว เเต่ได้เเจ้งเพิ่มไปว่า ที่เขาส่งคืนมาไม่ครบยังขาดเอกสารดังกล่าว ถ้าเขาเจอเอกสารในภายหลังให้เเจ้งให้ทราบด้วย เขาอ่านไลน์

เเล้วก็ไม่ตอบกลับค่ะ.


ถ้าเกิดกรณีที่ทราบภายหลังว่า คนที่ดิฉันสำเนาเอกสารเเล้วส่งคืนกลับมาไม่ครบนำเอกสารที่ไม่ได้ส่งคืนของดิฉันไปให้ลูกบ้านที่จะนำเอกสารไปใช้ยื่นร้องเรียนอีก สามารถเอาผิดหรือดำเนินคดีกับเขาได้มั้ยคะ.เเละจะดำเนินการกับคนที่นำเอกสารไปใช้โดยเรามิได้ยินยอมให้นำเอกสารไปใช้อย่างไร.


มีการพูดคุยกับบุคคลทั้งสองเเล้วเรื่องนี้เเต่มีความกังวลว่าเขาจะเเอบนำเอกสารไปใช้อีกค่ะ.


ขอบพระคุณมากค่ะ 

เสาวณีย์ 









โดยคุณ หนึ่ง 5 มิ.ย. 2562, 11:47

ความคิดเห็นที่ 3

ดิฉันผ่อนรถมา3ปี งวดละ3100 จนยอดที่ค้างเหลือ7งวดสุดท้าย อาจจะมีบางเดือนที่จ่ายเดือนเว้นเดือน แต่ไม่เกิน3เดือน แต่มาตอนหลังได้จ่ายช้าไปสองวันหลังค้างเดือนที่3 ไฟแนนท์โทรมาบอก ได้ให้ชื่อเราเป็นเครดิตเสีย และได้ส่งให้บริษัทจัดทวงหนี้โทรมา พอได้คุย เราจะชำระสองงวด เค้าก็ไม่ยอม จนเวลาผ่านมาครบเจ็ดเดือนสุดท้าย ไม่สามารถหาเงินไปปิดทั้งหมดได้ 30000 จะต้องทำไงดีค่ะ แล้วทนายก็โทรมาว่าจะฟ้อง ถ้าเจอรถก็จะยึดทันที จะผ่อนให้สามงวดก่อน ก็ไม่ยอม ขอความเห็นหน่อยค่ะ ตอนนี้เครียดมาก

โดยคุณ ผึ้งน้อย 23 พ.ค. 2562, 22:45

ความคิดเห็นที่ 2

พี่ชายผมโดนจับยาบ้า​ 16เม็ด​ แต่เขาลงสำนวนไห้ว่า​ มีไว้เพื่อเสพ​ แต่เป็นผู้ร้ายเก่า​ อยากทราบว่า​

โทดประมาณกี่ปี่ครับ

โดยคุณ นายวรากร​ นนท์ทอง 14 พ.ค. 2562, 15:47

ความคิดเห็นที่ 1

ตอนอยู่ด้วยกันไม่ได้จดทะเบียน​ แต่พอตอนซื้อที่ดินเป็นเงินหนูกู้สหกรณ์มา​ มีเงินพ่อแม่อดีตสามีช่วยตอนโอนแล้วพอตอนโอนเขาก็ไปโอนเป็นชื่อของอดีตสามีคนเดียวค่ะ​ เลิกกันมา5ปี​ แต่ไม่ยอมโอนที่ให้หนูแถมยังทำประโยชน์แบบไม่แบ่งให้หนูกับลูกมา2ปีแล้วค่ะ(ที่นา)

 ตอนซื้อรถยนต์​ หนูก็กู้สหกรณ์มา+กับเงินเก็บด้วนกันแต่มีเงินพี่สาวหนูช่วยด้วย30000  ผ่อนใกล้หมดมายืมตังแม่หนูไปปิดไฟแนนท์​30000​เสร็จเอารถไปเข้าไฟแนนท์​ที่ธนาคารต่อ​ แต่แบ่งเงินให้หนูแค่90000  (เงินที่ได้ประมาน350000)​หนูบอกให้เขาจ่ายหนูมาอีก50000เรื่องรถหนูจะจบเพราะอดีตสามีเป็นคนส่งคนเดียวค่ะ​ หนูจะพอมีทางชนะคดีไหมค่ะ​ ถ้าจะฟ้อง

โดยคุณ ศรินลดา​ ทองเบาะ 3 พ.ค. 2562, 22:01

ตอบความคิดเห็นที่ 1

การมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรือรถยนต์ จะได้รับประโยชน์จากข้อกฎหมาย  แต่ถ้าหากมีหลักฐานที่บ่งบอกได้ว่าเราเป็นคนชำระ หรือเราเป็นเจ้าของที่แท้จริงสามารถทำได้ค่ะ

โดยคุณ ทีมงานทนายคลายทุกข์ 10 พ.ค. 2562, 11:58

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก