การใช้ดุลยพินิจของพนักงานอัยการ
ทนายคลายทุกข์ขอนำตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับการใช้ดุลยพินิจของพนักงานอัยการมานำเสนอครับ
คำพิพากษาฎีกาที่ 3509/2549
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องบริษัทศ.และป.ผู้ต้องหาทั้งสองที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทโจทก์เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ได้อยู่บนรากฐานของความสมเหตุสมผลเป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจจึงเกินล้ำออกนอกขอบของความชอบด้วยกฎหมายและในฐานะที่จำเลยเป็นข้าราชการอัยการชั้นสูง จำเลยย่อมทราบดีถึงเกณฑ์วินิจฉัยมูลความผิดของพนักงานอัยการการใช้ดุลยพินิจผิดกฎหมาย ในกรณีนี้จำเลยเห็นได้อยู่แล้วว่าเป็นการไม่ชอบและมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกทั้งเพื่อจะช่วยบริษัทศ.และ ป.มิให้ต้องรับโทษจากการกระทำความผิดของตนอีกด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามปอ.มาตรา 157 และมาตรา 200 วรรคหนึ่ง คดีนี้พนักงานอัยการในการที่จะออกคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องฐานความผิดใดนั้นก็ต้องพิจารณาให้รอบครอบครับ เป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายครับ จะทำตามกระแสหรือตามพยานหลักฐานก็ดูกันต่อไปนะครับ
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 200 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้น เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท