น้ำท่วมฝนตกหนักเหตุขัดข้องในการจราจรเลื่อนคดีได้ครับไม่ต้องห่วงนะครับ
ทนายคลายทุกข์นำเรื่องดีดีมาฝากเพจของเรา page คนดี เอาแต่เรื่องดีมาพูด เรื่องไม่ดีให้คนอื่นเขาพูดแทน
1. เหตุขัดข้องในการจราจรถือมีเหตุอันสมควรในการอนุญาตให้เลื่อนคดีได้ คำพิพากษาฎีกาที่ 64 / 2521
2. ขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าทนายความปวดศีรษะแต่ไม่ปรากฏเป็นความเจ็บป่วยจนถึงกลับไม่มาศาลได้ไม่ใช่เหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ คำพิพากษาฎีกาที่ 1277 / 2542
3. ขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าติดประชุมโดยไม่มีหลักฐานว่ามีการประชุมจริงและต้องไปประชุมด้วยตนเองเป็นการไม่ให้ความสำคัญต่อวันนัดของศาลมิใช่เหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ฎีกาที่ 3389 / 2541
4. ทนายจำเลยคนเดิมขอถอนตัวแต่งตั้งทนายคนใหม่ถือมีเหตุอันจำเป็นสมควรเลื่อนคดีได้ ฎีกาที่ 14638/2556
เป็นแฟนเพจนี้แล้วไม่ต้องกลัวโง่ เพราะเราจะให้ปัญญาท่านทุกวัน ต้องการแลกเปลี่ยนสอบถามได้ที่ 081-6161425 ครับ
คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2521
โจทก์คดีความผิดฐานใช้เช็คไม่มีเงินมาศาลช้าไปครึ่งชั่วโมงเพราะเหตุขัดข้องการจราจรติดขัดกว่าปกติเนื่องจากฝนตกหนัก ศาลยกฟ้องไปแล้ว เป็นเหตุสมควรที่จะดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2542
คู่ความจะร้องขอเลื่อนคดีติดต่อกันได้ต้องเป็นกรณีที่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคหนึ่งและการอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยป่วยครั้งที่สองทนายจำเลยอ้างว่า ไปงานเลี้ยงดึกและ ตอนเช้าท้องเสีย ไม่สามารถสืบพยานได้ ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยโดยกำชับ ทนายจำเลยไว้ทั้ง 2 ครั้ง ว่าให้เตรียมพยานมาให้พร้อม เมื่อถึงวันนัดครั้งที่สามผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยนำคำร้อง ขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยมายื่นต่อศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าทนายจำเลย ไม่สามารถมาว่าความได้เพราะได้ว่าความในตอนเช้าและมีอาการ ปวดศีรษะเนื่องจากความดันโลหิตสูง แต่ทนายจำเลย ไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงว่าอาการปวดศีรษะดังกล่าว เป็นความเจ็บป่วยจนถึงกับไม่สามารถมาศาลได้อันจะเป็นเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และทนายจำเลยก็ไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลชั้นต้นว่าถ้าศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวให้คดีล่าช้าโดยปราศจากเหตุอันสมควรจึงเป็นการประวิงคดี การที่ศาลชั้นต้นจะตั้งเจ้าพนักงานศาลหรือแพทย์ไปตรวจอาการเจ็บป่วยของผู้ที่มาศาลไม่ได้ว่าผู้นั้นป่วยจริงหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 41 วรรคหนึ่งต้องเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ แต่บทบัญญัติดังกล่าวมิได้บังคับเด็ดขาดให้ศาลชั้นต้นต้องมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานศาลหรือแพทย์ไปตรวจอาการเจ็บป่วยเสมอไป ดังนี้เมื่อไม่มีคู่ความฝ่ายใดร้องขอให้ศาลชั้นต้นตั้งเจ้าพนักงานศาลหรือแพทย์ไปตรวจอาการเจ็บป่วยของผู้นั้นและศาลชั้นต้นพิจารณาถึงพฤติการณ์ต่าง ๆ และเห็นว่าผู้นั้นยังสามารถมาศาลได้เช่นนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจว่าไม่สมควรมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานศาลหรือแพทย์ไปตรวจอาการเจ็บป่วยนั่นเองคำสั่งศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว
3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3389/2541
จำเลยทั้งสองเคยร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุจำเลยที่ 1 ซึ่งประสงค์ จะสืบเป็นพยานเพียงปากเดียว ติดภาระหน้าที่ราชการถึงสองนัดศาลชั้นต้นก็ได้เห็นความสำคัญของภาระหน้าที่ที่จำเลยที่ 1ต้องปฏิบัติด้วยการอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนมาแล้วทั้งสองนัดการที่จำเลยที่ 1 ไม่มาศาลในนัดที่สามโดยการโทรศัพท์แจ้งให้ทนายความจำเลยทั้งสองแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 1ติดประชุมโดยจำเลยที่ 1 ไม่มีหลักฐานที่ควรแก่การเชื่อถือมาแสดงว่ามีการประชุมเรื่องดังกล่าวกันจริงและจำเลยที่ 1จำเป็นจะต้องไปร่วมประชุมด้วยตนเอง ถือว่าจำเลยที่ 1ไม่ให้ความสำคัญแก่คำกำชับและวันเวลานัดของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นเวลานัดของหน่วยงานราชการที่สำคัญหน่วยงานหนึ่งเช่นกัน ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 จึงมิใช่เหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้