กรรมตามทันตำรวจกองปราบเรียกรับสินบนผู้ต้องหา
กรณีตำรวจกองปราบอ้างว่าเข้าไปล่อซื้อยาเสพติดจากดาราสาว เอม เจษยา และอ้างว่าพบยาเสพติดที่ดาราสาว การล่อซื้อในทางปฏิบัติทำดังนี้
1. ต้องมีสายลับหรือจับผู้ค้ายาหรือผู้เสพและบังคับให้ติดต่อทางโทรศัพท์กับผู้ต้องหาเป็นอันดับแรก
2. หลังจากนั้นนัดหมายส่งมอบยาเสพติดและชำระราคา
3. ผู้ค้ายาที่ถูกล่อซื้อจะต้องเตรียมยาเสพติดไว้ให้สอดคล้องกับธนบัตรที่ล่อซื้อ
4. ธนบัตรที่ล่อซื้อ ถ้ามีเวลาเพียงพอและเพื่อความโปร่งใส ก็ควรจะนำธนบัตรไปลงประจำวันไว้ล่วงหน้า
5. การล่อซื้อ ขณะเข้าจับกุมต้องเป็นการจับกุมคาหนังคาเขา หมายถึง จับคนค้ายาเสพติดได้พร้อมของกลางและธนบัตรล่อซื้อ จึงจะเรียกว่าการล่อซื้อยาเสพติด
6. การล่อซื้อยาเสพติดเป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานตามความจำเป็นเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดผู้ต้องหา ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 2(10) ซึ่งตำรวจสามารถกระทำได้
ในอดีตที่ผ่านมา มีผู้ต้องหาคดียาเสพติด ร้องเรียนมาที่ทนายคลายทุกข์จำนวนมากว่า ตำรวจบางนายเข้าไปล่อซื้อยาเสพติดและมีการรับสินบนจากผู้ค้ายาเสพติด คล้ายๆ กับกรณีที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ แต่ผู้ค้ายาไม่เอาเรื่องเพราะมีการลดจำนวนยาให้ win win ทั้งสองฝ่าย หมายถึง สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คดีนี้เจอผู้ต้องหาไม่ยินยอมเลยซวย เรียกว่ากรรมตามสนอง ทำชั่วไม่ต้องรอชาติหน้า ได้เห็นแน่ชาตินี้เหมือนคดีนี้ โทษของตำรวจเหล่านี้ถือว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และมีความผิดทางอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีการเรียกรับสินบนและปล่อยตัวผู้กระทำความผิดไป มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 149 (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 1138/2505) (ตำรวจเริ่มต้นใช้อำนาจโดยชอบ มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 148 หากเริ่มต้นโดยไม่ชอบ กล่าวคือ ผู้ต้องหาไม่ได้กระทำความผิด แต่ไปแกล้งจับเขา เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 148 (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 599/2505))
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 148 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 2 ในประมวลกฎหมายนี้
(10) “การสืบสวน” หมายความถึงการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้ปฏิบัติไปตามอำนาจและหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเพื่อที่จะทราบรายละเอียดแห่งความผิด