สัญญาเช่าซื้อต้องมีคำเตือนผู้ค้ำประกัน
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ได้ยกเลิกประกาศเรื่อง ให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2543 และประกาศให้ใช้ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2555 แทน มีผลใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2556 ซึ่งรายละเอียดของสัญญานั้นจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมจากประกาศเดิม เช่น กรณีผิดนัดชำระติดต่อกัน 3 งวด ให้สถาบันการเงินแจ้งล่วงหน้า 30 วัน หากยังไม่ชำระสามารถยึดรถ ส่วนการประมูลขายทอดตลาดนั้นสถาบันการเงินเจ้าหนี้ต้องแจ้งผู้ค้ำประกันภายใน 7 วันเช่นเดียวกับผู้ซื้อ ขณะเดียวกันต้องแจ้งวัน เวลา สถานที่ รวมทั้งรายละเอียดเงินส่วนเกินหรือหนี้สินส่วนขาดภายหลังจากประมูลแล้ว 15 วัน ถ้าหากผู้เช่าซื้อปิดงวดบัญชีก่อนครบสัญญา ให้ผู้เช่าซื้อรับเงินดอกเบี้ยในอนาคตคืนจากสถาบันการเงิน 50% เช่นเดียวกับกรณีรถสูญหายหรือถูกขโมยซึ่งถือเป็นการยกเลิกสัญญา
โดยที่ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2543 ที่ใช้ควบคุมสัญญาธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีลักษณะไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงประกาศดังกล่าวให้สัญญาเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีจำนวนไม่เกินสิบเอ็ดตัวอักษรในหนึ่งนิ้ว และมีข้อกำหนดเกี่ยวกับรายละเอียดที่เกี่ยวกับราคาที่เช่าซื้อ อัตราดอกเบี้ย การผ่อนชาระ ภาษีมูลค่าเพิ่ม การคิดคำนวณเงิน ค่าเช่าซื้อที่ต้องชำระ การแจ้งชื่อผู้ทำการขายรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ให้เช่าซื้อแก่บุคคลอื่น วัน เวลา สถานที่ที่ทำการขาย ราคาที่ขายได้ มูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ และรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขาย รวมทั้งกรณีผู้ให้เช่าซื้อมีความประสงค์จะนำเงินค่างวดของผู้เช่าซื้อมาหักชำระค่าเบี้ยปรับ ค่าใช้จ่ายในการทวงถาม ค่าติดตามรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อ ค่าทนายความ และอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องด้วย กับการที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ หรือการกลับเข้าครอบครองรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อของผู้ให้เช่าซื้อ เนื่องจากมีการบอกเลิกสัญญาเป็นหนังสือแก่ผู้เช่าซื้อ การให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าซื้อที่ใช้สิทธิซื้อ ตามมูลหนี้ที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ ก่อนที่ผู้ให้เช่าซื้อนำออกขายให้แก่บุคคลอื่นหรือผู้เช่าซื้อ มีสิทธิได้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย การกำหนดให้มีข้อความเป็นภาษาไทยหัวเรื่องว่า “คำเตือนสาหรับผู้ค้ำประกัน” และสิทธิเลิกสัญญาเช่าซื้อของผู้ให้เช่าซื้อ ให้สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน และข้อกำหนดไม่ให้ใช้ข้อสัญญาที่มีลักษณะหรือมีความหมายกำหนดให้ผู้เช่าซื้อรับการโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อหรือรับภาระผูกพันใดๆ เพิ่มเติมจากสัญญาเช่าซื้อ โดยผู้เช่าซื้อมิได้ยินยอมเป็นหนังสือ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคมิให้เสียเปรียบผู้ประกอบธุรกิจเกินสมควรและเป็นธรรมต่อผู้บริโภคยิ่งขึ้น
ประกาศฉบับใหม่ของสคบ. สัญญาค้ำประกันต้องมีคำเตือนสำหรับผู้ค้ำประกัน จะมีความรับผิดต่อผู้ให้เช่าซื้อในสาระสำคัญ ดังนี้
1. ผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าซื้อจนกว่าหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อจะระงับสิ้นไป
2 ผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าซื้อภายในวงเงินที่ผู้เช่าซื้อค้างชำระกับผู้ให้เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อ และอาจต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยหรือค่าสินไหมทดแทนอื่นๆ อีกด้วย
3 ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมกับผู้เช่าซื้อ
4. เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระหนี้ ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกร้องและบังคับให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ ทั้งหมดที่ผู้เช่าซื้อค้างชำระ โดยผู้ให้เช่าซื้อไม่จำต้องเรียกร้องหรือบังคับเอาจากผู้เช่าซื้อก่อน
5. ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นจากความรับผิดแม้ผู้ให้เช่าซื้อยอมผ่อนเวลาให้แก่ผู้เช่าซื้อ
นอกจากที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ผู้ค้ำประกันยังมีหน้าที่และความรับผิดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกัน
ในฐานะที่ผมเป็นวิทยากรฝึกอบรมให้กับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งสถาบันการเงิน มีความเห็นว่าประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา พ.ศ.2555 มีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยขอนำเสนอเป็นรายประเด็นดังนี้
1. ทำให้ผู้ให้เช่าซื้อไม่สามารถเอาเปรียบผู้บริโภคได้ ที่เห็นได้ชัดเจนคือการนำเงินค่าปรับค่างวดไปชำระ
ค่าปรับหรือดอกเบี้ยก่อน ไม่สามารถทำได้แล้ว ถึงแม้ ป.พ.พ. มาตรา 329 จะให้ทำได้ แต่เมื่อประกาศดังกล่าวห้ามไว้ ผู้ให้เช่าซื้อจึงต้องปฏิบัติตามประกาศ กล่าวคือ ถ้าจะนำเงินค่างวดไปหักค่าปรับต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เช่าซื้อทราบก่อน
2. หลังจากยึดรถก่อนขาย ประกาศเดิมแจ้งแค่ผู้เช่าซื้อให้ทราบว่าถ้าประสงค์
จะซื้อให้ติดต่อมาภายใน 7 วันเพื่อซื้อ แต่ประกาศใหม่ต้องแจ้งทั้งผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันด้วย เพราะมีหลายคดีที่ผู้ค้ำประกันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้งที่ไฟแนนซ์ยึดรถไปตั้งนานแล้ว วันดีคืนดีมีหมายศาลมาติดที่บ้าน จึงรู้ว่าผู้เช่าซื้อไม่ได้ชำระค่าเช่าซื้อ และรถถูกยึดไปแล้ว ถึงตอนนั้นแล้วก็สายเกินแก้ ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว รถก็ขายไปแล้ว แทนที่จะไปเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อเอารถมาใช้ต่อ หรือขายเพื่อบรรเทาความเสียหายก็ไม่ทันแล้ว จะต้องเสียประวัติ ถูกฟ้องร้องในชั้นศาล ไม่สามารถกู้เงินได้ หรือขอสินเชื่อได้อีกต่อไป
3. ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเสียหาย ค่าทวงหนี้ ค่าติดตาม ค่ายึดรถ
ประกาศฉบับนี้เพิ่มคำว่า “ประหยัด” เข้าไป ถึงแม้จะจ่ายจริง ผู้ให้เช่าซื้อหรือไฟแนนซ์ต้องจ่ายอย่างประหยัด จะจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไม่ได้ เช่น การว่าจ้างบุคคลภายนอกมายึดรถ ค่าจ้างยึดรถก็ต้องไม่สูงกว่าสถาบันการเงินอื่น เป็นต้น ข้อนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภค
ท่านใดที่เป็นผู้ให้เช่าซื้อหรือท่านใดที่เป็นผู้เช่าซื้อหรือผู้ค้ำประกัน ถ้ายังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สอบถามมาได้ที่คอลัมน์นี้ ยินดีให้คำแนะนำทุกเรื่องครับ