การพิพากษาของศาลฏีกา
แม่ของผมถูกกล่าวหาว่าลักทรัพย์ ทั้งๆที่วันเกิดเหตุแม่ผมอยู่ที่บ้านมีพยานพร้อม ของที่ถูกกล่าวหาว่าลักทรัพมีน้ำหนักมากกว่าตัวแม่ผมที่อายุจะ 47 ปี ตอนถูกกล่าวหาเป็นกระสอบผ้าขนาดใหญ่ ศาลชั้นต้นจึงตัดสินว่าแม่ผมไม่ผิด แต่แม่ผมไม่ได้ฟ้องกลับคนที่มากล่าวหา เสร็จแล้วอัยการกลับสั่งฟ้องศาลอุทธรณ์ แล้วศาลอุทธรณ์กลับตัดสินว่าแม่ผมผิด และไม่ให้ประกันตัวในชั้นศาล แม่ผมต้องเข้าเรือนจำ 5 วัน ถึงได้ขอยื่นประกันตัวได้ตอนนี้หมายเรียกศาลฏีกามาแล้ว ทางบ้านเครียดมาก ไม่รู้ว่าโอกาสที่ศาลฏีกาจะตัดสินเหมือนศาลชั้นต้นจะมีหวังแค่ไหน
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
เมื่อมารดาของท่านซึ่งเป็นจำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้วและศาลชั้นต้นตรวจสอบฎีกามีคำสั่งรับฎีกาและส่งฎีกานั้นไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาชี้ขาดต่อไปแล้ว กรณีย่อมอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา และเมื่อศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับการวินิจฉัยคดีที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดมา โดยเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยชี้ขาดศาลชั้นต้น ศาลฎีกาก็ชอบที่จะพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นยกฟ้องโจทก์ปล่อยมารดาไป ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 225 ประกอบมาตรา 185 วรรคหนึ่ง, มาตรา 214 และ 215