คดีทำร้ายร่างกายสาหัส
ผมเป็นพนักงานราชการ ส่วนคู่กรณีเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่เป็นลูกจ้าง ทำร้ายร่างกายผมด้วยการชกต่อย วันต่อมาคู่กรณีได้ทำท่าทีท้าทาย ท้าผมชกอีก ผมจึงใช้มีดคัตเตอร์อันเล็กที่ใช้เหลาดินสอ ฟันเข้าที่ข้อมือ และน่าอก รวมสองแผล คู่กรณีได้แจ้งความคดีทำร้ายร่างกายต่อตำรวจ และผมก็แจ้งความคดีทำร้ายร่างกายคู่กรณีที่ชกต่อยผมก่อนในวันแรกเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น ผมถูกให้ออกจากราชการ ด้วยการให้ลาออกเอง เนื่องจากกระทำผิดต่อข้อบังคับราชการ ส่วนคู่กรณียังได้ทำงานปกติ
ต่อมาตำรวจนัดเจรจายอมความ คู่กรณีเรียกค่าเสียหายถึง1ล้านบาท ผมไม่มีเงินจ่ายแน่ๆ ต่อมาผมจึงยอมรับข้อกล่าวหาคดีทำร้ายร่างกายสาหัส ต่อตำรวจ ปั้มลายนิ้วมือแล้วรอตำรวจเรียกตัว ส่งชั้นอัยการ ส่วนคดีที่ผมแจ้งความคู่กรณีว่าทำร้ายร่างกายผม ทางตำรวจแนะนำว่าไม่ให้เอาความเพราะโทษมันแค่เปรียบเทียบปรับแค่ 500 บาท ทางตำรวจได้พิมพ์ลงไปในสำนวน ที่ผมไม่เอาความคู่กรณี เพื่อให้ศาลเห็นใจที่ไม่เอาความ(ผมทำตามที่ตำรวจแนะนำ) ผมขอตั้งคำถามเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ
1. ต่อจากนี้ ที่รอตำรวจเรียกตัวส่งชั้นอัยการ พอไปถึงอัยการแล้วผมต้องติดคุกหรือต้องมีการประกันตัวหรือไม่ ถ้าต้องประกัน จำนวนเงินเท่าไหร่ครับและจะได้รับเงินประกันคืนหรือไม่ (หรือว่ากลับบ้านได้เลย และรอหมายศาลเรียกตัวครับ)
2. ถ้าทางศาลนัดไกล่เกลี่ยอีกรอบแล้วยังตกลงกันไม่ได้ ทางคู่กรณีมีสิทธิยื่นฟ้องขอค่าเสียหายหรือไม่
3. ถ้าทางฝ่ายคู่กรณี ยื่นฟ้องขอค่าเสียหาย แต่ผมไม่มีให้ ทางศาลจะดำเนินการอย่างไรครับ
4. แนวทางคดีแบบนี้ผมจะติดคุกหรือไม่ครับ เท่าที่ถามทางตำรวจเขาบอกว่า โดนแค่รอลงอาญา และโดนปรับ ถ้าเป็นแบบที่ตำรวจบอกจtะโดนรอลงอาญากี่ปี ปรับกี่บาท
5. ถ้าศาลตัดสินว่าผมต้องติดคุก ผมสามารถประกันตัวแล้วกลับบ้านได้เลยไหม ค่าประกันในคดีนี้เท่าไหร่ แล้วคดีจบเลยใช้ไหม
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
1.หากพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและทำความเสนอส่งให้พนักงานอัยการทำคำสั่งฟ้องต่อศาล ถ้าพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง ท่านก็สามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวไม่ว่าในชั้นสอบสวนหรือพิจารณาต่อพนักงานอัยการหรือต่อศาลได้ ถ้าไม่มีการผิดสัญยาประกันนายประกันชอบที่จะถอนหลักประกันคืนได้ต่อเมื่อส่งมอบตัวท่านต่อพนักงานหรือศาลแล้ว
2. ไม่ว่าจะตกลงประนีประนอมยอมความกันได้หรือไม่ ก็ไม่ตัดสิทธิของคู่กรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง
3. หากท่านไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนน ถ้าศาลเห็นสมควรศาลมีอำนาจรอการลงโทษจำคุกไว้ได้ มีกำหนดส่วนใหญ่ไม่เกิน 2 ปี ตาม ป.อ.มาตรา 56
4. หากศาลพิพากษาให้ท่านชำระหนี้ค่าเสียหาย แต่ท่านเพิกเฉยก็เป็นเรื่องที่คู่กรณีจะร้องขอให้บังคับคดียึดหรืออายัดทรัพย์สินของท่านซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาชำระหนี้นั้นต่อไป
5. หากศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างไร ท่านชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ และสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวได้ตามสิทธิ