การชั่งน้ำหนักระหว่างคำเบิกความในชั้นศาลกับคำให้การชั้นสอบสวน ศาลจะเชื่อสิ่งใดมากกว่ากัน
มีคู่ความสอบถามว่าคำให้การในชั้นศาลกับในชั้นพนักงานสอบสวน ศาลจะเชื่อคำให้การใด ทนายคลายทุกข์จึงได้ไปค้นคำพิพากษาศาลฎีกามา ซึ่งวางบรรทัดฐานไว้ดังนี้
1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2554
การที่ศาลจะรับฟังคำให้การในชั้นสอบสวนของ ส. ยิ่งกว่าคำเบิกความต่อศาลนั้น จะต้องมีพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่า ส. เบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดแต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ส. ไม่ได้เป็นญาติของจำเลย และไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทั้งยังมีภูมิลำเนาอยู่คนละอำเภอ เห็นเหตุการณ์เพราะมีบ้านอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุเท่านั้น ไม่มีผลประโยชน์ได้เสียกับฝ่ายใด โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองก็ไม่ได้ถามค้านหรือนำสืบให้เห็นถึงความไม่น่าเชื่อถือในคำเบิกความของ ส. นอกจากนี้ก่อนเบิกความ ส. ได้สาบานตนแล้วเบิกความต่อหน้าศาลและคู่ความทุกฝ่าย เปิดโอกาสให้มีการถามค้านได้แต่การให้การต่อพนักงานสอบสวนนั้นเป็นการให้การสองต่อสอง อาจถูกพนักงานสอบสวนชี้นำให้ให้การตามแนวทางการสอบสวนของตนเองก็ได้ เชื่อว่า ส. เป็นพยานคนกลางเบิกความไปตามความจริงที่ได้รู้เห็นมา
2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1832/2554
ผู้เสียหายและ ส. ร่วมดื่มสุราด้วยกันที่บ้านของจำเลยก่อน แล้วจึงชวนกันมาดื่มสุราต่อที่บ้าน อ. จึงเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลทั้งสองจะจดจำจำเลยที่มีเรื่องวิวาทชกต่อยและใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหายไม่ได้ บุคคลทั้งสองจึงให้การต่อพนักงานสอบสวนยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ชกต่อยและให้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหายคำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายและ ส. จึงรับฟังได้ดีกว่าคำเบิกความในชั้นพิจารณาที่ส่อแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายและ ส. พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือจำเลยซึ่งเป็นเพื่อนกัน และภายหลังผู้เสียหายอาจเปลี่ยนใจไม่ประสงค์ให้จำเลยต้องได้รับโทษและให้พ้นผิด จำเลยต่อสู้ว่าผู้เสียหายมิได้ให้การและลงลายมือชื่อในบันทึกคำให้การของผู้ร้องทุกข์ แต่กลับไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายหรือจำเลยดำเนินการอย่างใดกับข้ออ้างดังกล่าว จึงเป็นพิรุธ พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าเป็นคนร้ายชกต่อยและใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหาย
จำเลยใช้เหล็กขูดชาฟท์ซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงแทงผู้เสียหายที่สะบักจนทะลุเข้าช่องอกขวามีลมและเลือดออก การทำงานของปอดลดลง แพทย์มีความเห็นว่าหากรักษาไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยแทงอย่างแรงในขณะที่ผู้เสียหายหันหลังให้เป็นการเลือกแทงในตำแหน่งที่มีอวัยวะสำคัญคือปอด เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า