กฎหมายคุ้มครองผู้ซื้อทรัพย์ในท้องตลาด ไม่ได้คุ้มครองร้านค้าที่ตั้งอยู่ในท้องตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3110/2539
การซื้อทรัพย์ในท้องตลาดหมายถึงการซื้อทรัพย์จากร้านค้าที่ตั้งอยู่ในท้องตลาดหาใช่เป็นการที่ร้านค้าซึ่งตั้งอยู่ในท้องตลาดซื้อทรัพย์จากบุคคลที่นำมาขายให้แก่ร้านค้านั้นไม่เพราะการซื้อทรัพย์จากบุคคลที่นำทรัพย์มาขายมิใช่เป็นการซื้อจากสถานที่ซึ่งมีร้านค้าเสนอขายแก่คนทั่วไปหรือมิใช่ซื้อจากที่ชุมชนแห่งการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3110/2539
การซื้อทรัพย์ในท้องตลาดหมายถึงการซื้อทรัพย์จากร้านค้าที่ตั้งอยู่ในท้องตลาดหาใช่เป็นการที่ร้านค้าซึ่งตั้งอยู่ในท้องตลาดซื้อทรัพย์จากบุคคลที่นำมาขายให้แก่ร้านค้านั้นไม่เพราะการซื้อทรัพย์จากบุคคลที่นำทรัพย์มาขายมิใช่เป็นการซื้อจากสถานที่ซึ่งมีร้านค้าเสนอขายแก่คนทั่วไปหรือมิใช่ซื้อจากที่ชุมชนแห่งการค้า
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว งวดประจำวันที่ 16 มกราคม 2535จำนวน 110 ฉบับ ระหว่างวันที่ 21 มกราคม 2535 ถึงวันที่22 มกราคม 2535 สลากจำนวนดังกล่าวได้หายไปโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนได้ขออายัดสลากที่หายไว้แล้วจำเลยได้นำสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ที่ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวจำนวน 24 ฉบับ ไปขอรับเงินรางวัล สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ประวิงการจ่ายเงินไว้และแจ้งเงื่อนไขว่าจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากที่ไปขอรับ หากผู้ใดคัดค้านต้องฟ้องศาลการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลรวม 24 ฉบับ หากจำเลยไม่คืน ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยมีอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลและรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัล โจทก์ไม่ใช่เจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว งวดประจำวันที่ 16 มกราคม 2535 สลากที่ถูกรางวัล จำนวน 24 ฉบับมีผู้นำมาขายให้แก่จำเลยและจำเลยได้รับซื้อไว้โดยสุจริตในทางการค้าของจำเลย ขณะจำเลยรับซื้อไม่มีผู้ใดมาขออายัดไว้ จำเลยจ่ายเงินให้แก่ผู้นำสลากที่ถูกรางวัลมาขายให้ไป จำเลยจึงเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว โจทก์ไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยคืนสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 24 ฉบับงวดประจำวันที่ 16 มกราคม 2535 แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวในท้องตลาดหรือไม่เห็นว่า การซื้อทรัพย์ในท้องตลาดหมายถึงการซื้อทรัพย์จากร้านค้าที่ตั้งอยู่ในท้องตลาด หาใช่เป็นการที่ร้านค้าซึ่งตั้งอยู่ในท้องตลาดซื้อทรัพย์จากบุคคลที่นำมาขายให้แก่ร้านค้านั้นไม่เพราะการซื้อทรัพย์จากบุคคลที่นำทรัพย์มาขายมิใช่เป็นการซื้อจากสถานที่ซึ่งมีร้านค้าเสนอขายแก่คนทั่วไป หรือมิใช่ซื้อจากที่ชุมนุมแห่งการค้า เมื่อข้อเท็จจริงฟังมาว่าจำเลยตั้งร้านค้าอยู่ในท้องตลาดซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวจากผู้ที่นำมาขายมิใช่ซื้อจากร้านค้าที่ตั้งอยู่ในท้องตลาด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวในท้องตลาดจำเลยจึงต้องคืนสลากกินแบ่งรัฐบาลให้โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนสลากกินแบ่งรัฐบาลให้โจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยหากจำเลยไม่ยอมคืนสลากกินแบ่งรัฐบาลให้โจทก์นั้นเป็นการไม่ถูกต้องเพราะวัตถุแห่งหนี้มิใช่เป็นการบังคับให้กระทำนิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง"
พิพากษายืน แต่ไม่ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย