ถูกเรียกร้องค่าเสียหาย
คุณแม่ได้ไปตกลงทำสัญญาจะเซ้งร้านอาหารแห่งหนึ่งไว้ โดยวางเงินมัดจำไปบางส่วนและตกลงว่าอีก 1 เดือน จะชำระให้ครบ ในระหว่างนั้นให้น้องชายมาคอยดูว่า ร้านอาหารที่จะเซ้งต่อนั้นได้กำไรอย่างที่เจ้าของเดิมบอกหรือไม่ หลังจากเฝ้าติดตามมา 1 เดือน พบไม่เป็นอย่างที่เจ้าของเดิมบอก จึงขอยกเลิกการเซ้งร้านอาหารและอุปกรณ์ในร้านทั้งหมด เจ้าของร้านเดิมได้ยึดเงินมัดจำที่วางไว้ไป เวลาผ่านมาเกือบปี มีหนังสือจากสนง.กฎหมายแห่งหนึ่งส่งมาเรียกร้องค่าเสียหายจากคุณแม่ เนื่องจากไม่เซ้งร้านอาหารดังกล่าว บอกว่าไม่ยอมมาชำระเงินตามที่ตกลงไว้ทั้งที่ ก็ได้บอกยกเลิกและยึดเงินมัดจำไปแล้ว แบบนี้เราควรทำอย่างไรดีครับ
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
การที่มารดาได้เข้าทำสัญญาดำเนินกิจการร้านอาหารแทนเจ้าของเดิมโดยได้วางเงินมัดจำไว้ เงินตามจำนวนที่ได้วางได้นี้ ไม่ได้มีการตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น กรณีที่มารดาบอกเลิกสัญญาเพราะความผิดของตนสิทธิของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งที่รับมัดจำ จึงมีสิทธิแต่เพียงริบเงินที่วางมัดจำเป็นประกันไว้ได้ ตามมาตรา 378 (2) ดังนั้น ผู้รับมัดจำจึงไม่อาจอาศัยสิทธิตามกฎหมายใดที่จะเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษซึ่งมารดาไม่อาจคาดเห็น หรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้วว ตามนัยมาตรา 222 วรรคสอง