นักสืบชู้สาวกับสังคมไทย
ฟังคลิปเสียงการทำงานของนักสืบ/วิธีการใช้บริการ/การว่าจ้างบริษัทนักสืบเอกชน/การคิดค่าจ้างและค่าบริการในการสืบ/พยานหลักฐานที่ได้จากการสืบ/การนำพยานหลักฐานไปฟ้องหย่า/ฟ้องชู้/เรียกค่าทดแทน/เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู สามารถคลิกฟังคลิปเสียงได้ที่
http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=4983
ทนายคลายทุกข์ขอนำปัญหาเรื่องชู้สาว
ภารกิจของนักสืบสาว เกี่ยวกับคดีชู้สาว สืบทุจริต สืบสินค้าปลอม สืบหาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี จากนักสืบมืออาชีพ มานำเสนอใน Web page หน้านี้ โดยจะนำเสนอเป็นตอนๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์
เริ่มสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรก
โดยจะเริ่มนำเสนอเป็นตอนที่ 1 ท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม Web page นี้
ขอเรียนเชิญให้ท่านกลับเข้ามาเยี่ยมชมใหม่ในสัปดาห์หน้านะครับ
ทีมงานนักสืบทนายคลายทุกข์จะนำเรื่องราว ภารกิจ คดีชู้สาว คดีครอบครัว คดีทุจริต คดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ท่านใดมีปัญหาเกี่ยวกับการสืบชู้สาว/ สืบพฤติกรรม/ตามสืบสามี/ ตามสืบภรรยา/
สืบทุจริต / สืบสินค้าปลอม / สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ แสดงความคิดเห็นได้ในหน้านี้ ในช่องแสดงความคิดเห็นหรือโทรปรึกษาคดีชู้สาว 081-912-5833,081-616-1425
นักสืบชู้สาวกับสังคมไทย
ตอนที่ 1
วันนี้มีสื่อมวลชนหลายฉบับรวมทั้งอินเตอร์เน็ตได้ติดต่อสัมภาษณ์ผมเกี่ยวกับเรื่องนักสืบชู้สาว
ซึ่งปัจจุบันมีเป็นจำนวนมากในประเทศไทยไม่ว่าในกรุงเทพหรือต่างจังหวัด
มีประเด็นที่สื่อมวลชนสนใจที่จะสัมภาษณ์ ซึ่งผมขออนุญาตนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์นี้ ดังนี้
1. ความเป็นมาของนักสืบชู้สาว
ตอบ นักสืบชู้สาวมีมาเป็นเวลาหลาย 10 ปีแล้ว
เกิดขึ้นเนื่องจากสามีภรรยาหรือคู่สมรสมีการนอกใจซึ่งกันและกัน เช่น
ผัวไปมีเมียน้อย ภรรยาไปมีชู้ หรือเป็นพวกเลสเบียนหรือเกย์ หรือตุ๊ด หรือกะเทย
ตามค่านิยมของสังคม หรือจะเรียกตามแฟชั่นก็ได้ ผู้บริหารระดับสูง
เมื่อมีตำแหน่งหน้าที่ มีเงินมีทอง มีอำนาจ
ก็จะใช้สิ่งเหล่านั้นไปในทางที่ผิด เช่น การบำเรอกาม การมีภรรยาน้อย
เนื่องจากเงินทองมีเหลือเฟือเหลือใช้ เข้าตำรา ชาติหน้ายังใช้ไม่หมด
ส่วนใหญ่ก็จะนิยมนำลูกน้อง เช่น เลขานุการ ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือลูกน้องคนสนิท
เอามาทำเมียน้อยหรือเมียเก็บ และก็ส่งเสียเป็นรายเดือน โดยการจ่ายค่าเช่าหอพัก
ค่าคอนโด ค่าใช้จ่ายประจำเดือน และตัวเอง ก็จะไปส่งส่วย เดือนละครั้งสองครั้ง
เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีพวกที่ใช้บริการนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด และเป็นพวกเด็กใจแตก ชอบฟุ้งเฟ้อ
ชอบของใช้ราคาแพง ชอบเที่ยว
ซึ่งต้องใช้เงินใช้ทองเป็นจำนวนมาก พ่อแม่ไม่มีปัญญาที่จะไปเสาะแสวงหามาให้ใช้ได้
คนเหล่านี้ก็จะมีนักธุรกิจหรือผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีเงินมีทองนำคนเหล่านี้มาเป็นเมียเก็บหรือภรรยาน้อย
โดยรับอาสาเลี้ยงดู จ่ายค่าเทอม จ่ายค่าใช้จ่ายในการเที่ยวเตร่เป็นประจำทุกเดือน
ด้วยเหตุผลดังที่ผมกราบเรียนมาข้างต้น
ได้สร้างปัญหาให้กับครอบครัวของผู้มีอันจะกินทั้งหลาย ต้องเริ่มเกมส์แมวไล่จับหนู เหมือนทอมกับเจอรี่
เมียก็พยายามเสาะแสวงหาเบาะแส จากผู้หวังดี และหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น
พฤติกรรมของสามีที่เปลี่ยนไป จึงเป็นที่มาของการว่าจ้างนักสืบกรณีชู้สาว
ถามว่าทำไมต้องจ้างนักสืบกรณีชู้สาว
ผมขอเอาประสบการณ์ของผมเองในฐานะที่เป็นนักสืบและเป็นเจ้าของบริษัทนักสืบมาเป็นเวลานาน
20 กว่าปี ว่า เหตุที่ต้องมีการว่าจ้างนักสืบนั้น มีเหตุผลดังต่อไปนี้
1.
ภรรยาเคยไปติดตามสามีแล้ว แต่เอาไม่อยู่ ยิ่งกว่าปลาไหลใส่สะเก็ต ผมยกตัวอย่างเช่น
- ขับรถตามสามี
สามีก็ขับรถเร็ว ตามไม่ทัน หรือที่ภาษานักสืบเรียกว่า หลุด
- ตามไปทันถึงคอนโดที่ภรรยาน้อยใช้เป็นที่บำเรอกามร่วมกับสามีของตัวเอง
เมียหลวงก็ไม่มีปัญญาขึ้นไปบนคอนโด เนื่องจากมีคีย์การ์ดและ รปภ.
คุ้มกันอย่างเหนียวแน่น เป็นบอดี้การ์ดอย่างดี
ในการปกป้องไข่ในหิน (หลายคนอาจสงสัยว่าไข่ในหินหมายถึงอะไร) ตอบได้เลยครับ ภรรยาน้อยไงครับ
- ตามสามีทัน
แต่มีคนมารับสามี ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ก็คือภรรยาน้อยนั่นเอง ใช้เวลาไม่เกิน
15 วินาที เอาผัวชาวบ้านไปกินแล้ว เมียหลวงก็ตามไม่ทันอีก
- บางครั้งตามไปเจอเห็นพฤติกรรมสามีกำลังล้วงกำลังควักกับภรรยาน้อย
แต่ก็ถ่ายรูปไม่ทัน เก้ ๆ กัง ๆ หลุดเฟรมอีกต่างหาก
- การสืบพฤติกรรมชู้สาวจะต้องหาคนที่อึดเหมือนควาย
ฉลาดและกะล่อนเหมือนศรีธนญชัย ไฮโซอย่างภรรยาหลวง
คงนั่งเฝ้าผัวตัวแสบได้ไม่นาน
- ภรรยาหลวงส่วนใหญ่ก็เป็นผู้บริหารต้องรับผิดชอบธุรกิจ
ไม่มีเวลาที่จะไปคอยสะกดรอยผัวตัวแสบ
2.
คนที่มาใช้บริการนักสืบส่วนใหญ่ทำอาชีพอะไร
ตอบ ส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะทางการเงินสูง
หรือเป็นผู้อำนาจหรือมีตำแหน่งหน้าที่การงาน
เพราะคนที่จะตามสืบพฤติกรรมชู้สาวจะต้องมีฐานะเนื่องจากค่าจ้างในการว่าจ้างนักสืบนั้น
โดยเฉลี่ยวันละ
5,000-10,000 บาท และต้องใช้เวลาในการสืบประมาณ 1 สัปดาห์
เรื่องชู้สาวจึงเป็นเรื่องของคนรวยหรือคนมีเงิน คนจน ๆ
คงไม่มีปัญญามาจ้างนักสืบสืบคดีชู้สาวหรอกครับ
3.
ขอบข่ายการทำงานนักสืบ
ตอบ
นักสืบจะมีขอบข่ายการทำงานในเรื่องเกี่ยวกับคดีชู้สาวดังนี้
- เริ่มตั้งแต่การรับฟังข้อมูลจากผู้ว่าจ้าง
- วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประกอบการทำงาน
- วางแผนในการสะกดรอยเป้าหมาย
โดยไม่ให้เป้าหมายรู้ตัว
- จัดทีมงานนักสืบตามความถนัด
เช่น ถ้าจราจรติดขัด ก็จะใช้นักสืบที่มีความสามารถในการขับขี่รถจักรยานยนต์
ถ้าจำเป็นต้องเข้าสถานบริการ ต้องหานักสืบที่ชอบเที่ยวผับเที่ยวบาร์
และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กเสริฟ เป็นต้น
ถ้าเป็นถนนโล่ง รถสามารถใช้ความเร็วสูง
ก็จะต้องเลือกยานพาหนะและคนขับที่มีความชำนาญในการขับรถที่มีความเร็วสูง เป็นต้น
- เริ่มปฏิบัติงาน
แบ่งออกเป็นลักษณะของการเฝ้าจุด ที่ต้องสงสัย และทีมงานสะกดรอย ทีมงานถ่ายภาพ
เพื่อประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมาย
- รวบรวมภาพและหลักฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมชู้สาว
โดยทำเป็นรายงานแจ้งให้ผู้ว่าจ้างทราบ เป็นอันจบสิ้นกระบวนการ
4.
ตัวอย่างของคดีชู้สาวที่มาใช้บริการนักสืบ ผมขอยกตัวอย่างดังนี้
- ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นภรรยาของอธิบดีกรมหนึ่ง
ได้ข่าวระแคะระคายว่าสามีไปมีเมียลับ ๆ คือ เลขาตัวเอง
และมีลูกน้องที่ทำงานโทรมาบอกหลายครั้งหลายหน ภรรยาสอบถามสามีก็ปฏิเสธตลอด
จนต่อมาได้มาว่าจ้างสำนักงานดำเนินการวางแผนหาพยานหลักฐานเพื่อ
ประกอบการดำเนินคดีชู้สาว สำนักงานนักสืบได้วางแผนเฝ้าจุดและสะกดรอยรวมทั้งหาข่าวจนในที่สุดจึงทราบว่าสามีตัวเองได้นำเวลาราชการและรถของทางราชการ
พาเลขาของตัวเองไปเข้าโรงแรมม่านรูดอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
นักสืบได้บันทึกภาพและหลักฐานต่าง ๆ ส่งให้กับภรรยาหลวงทราบ
และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอหย่า และแบ่งสินสมรสต่อไป ภรรยาหลวงเมื่อได้ข้อมูลจากนักสืบ
ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าสามีตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับหญิงอื่น
สิ่งที่ควรทำดังต่อไปนี้
- ตั้งสติให้ดี อย่าใช้อารมณ์
อย่าใช้ความรุนแรง
- ปรึกษาญาติผู้ใหญ่ของตัวเองเพื่อระดมความคิดในการแก้ปัญหาครอบครัว
- ปรึกษาทนายความเพื่อศึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีหย่าและการเรียกค่าทดแทน
- เจรจากับสามีให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว
ถ้าเจรจากันได้ ก็จบกัน แต่ถ้าเจรจากันไม่ได้
ก็เป็นขั้นตอนการฟ้องร้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงที่มาเป็นภรรยาน้อย
หรือฟ้องหย่าหรือฟ้องทั้งสามีและภรรยาน้อยเพื่อเรียกค่าทดแทน
5.
สำนักงานนักสืบให้บริการถึงขั้นตอนไหน
ตอบ
สำนักงานนักสืบให้บริการตั้งแต่เริ่มวางแผนสืบจนถึงขั้นจัดหาทนายความฟ้องร้องในชั้นศาลจนเสร็จสิ้น
6.
จรรยาบรรณของนักสืบที่มีต่อสังคมและผู้ว่าจ้าง
ตอบ นักสืบจะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า
ไม่เปิดเผยความลับของลูกค้า อันนี้เป็นหัวใจของงานสืบ
7.
นักสืบยังมีความจำเป็นต่อสังคมหรือไม่อย่างไร
ตอบ นักสืบยังมีความจำเป็นอย่างมาก
คุณลองนึกถึงคนที่สามีนอกใจ และก็มีชาวบ้านมาบอกคุณทุกวันเลย ว่า สามีคุณสวมเขา
คุณเป็นคนโง่ เหมือนควายตัวหนึ่ง และเมื่อคุณไปถามสามี สามีคุณก็ปฏิเสธทุกครั้ง
ความทุกข์ทรมานของคนที่เป็นเมียหลวงมันบอบช้ำสาหัส
ใครไม่เคยตกอยู่ในสภาพนั้น ก็จะไม่รู้สึกถึงความทุกข์ว่ามันมากเพียงใด
แต่ถ้ามีสำนักงานนักสืบไปทำความจริงให้ปรากฏ ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะได้จบ สิ่งที่เราคาใจจะได้ตัดสินใจได้เลยว่า
จะทำใจหรือจะเลิกจากกัน อันนี้แหละครับเป็นสิ่งที่ควรมีนักสืบอยู่ในสังคมไทย
ท่านสามารถเข้าไปฟังคำแนะนำจาก อ.เดชา กิตติวิทยานันท์ ได้จากหน้าแรกของเว็บไซต์ www.decha.com ในคอลัมน์คลิปเสียง/รายการ