ฟ้องหย่า (กลุ้มใจมาก)
ดิฉันรับราชการแยกกันอยู่กับสามีอาชีพรับจ้าง
มา 3 ปีกว่า ดิฉันขอหย่าแต่เขาไม่ยอมหย่า มีข้ออ้างตลอด เขาชอบเล่นการพนัน
ดื่มเหล้า นิสัยก้าวร้าว
ดิฉันทนอยู่เพื่อลูกมาตลอด 11 ปี จนแยกอยู่เมื่อปี 2547 ก่อนหน้านี้ซื้อบ้านด้วยกัน( ตอนนี้ให้เช่า) จนเมื่อแยกอยู่
เขาให้ขายบ้าน ดิฉันเสียดายเลยออกเงินซื้อไว้เองแต่ทำทีให้ญาติซื้อไว้
เขาแบ่งเงินไปครึ่งหนึ่ง โดยที่บ้านยังเป็นชื่อของดิฉันอยู่
เพราะดิฉันผ่อนผ่านโครงการของกบข./ธ.อาคารสงเคราะห์หักเงินเดือนทุกเดือน
เขาไม่รู้และได้ย้ายทะเบียนบ้านออกจากการเป็นเจ้าบ้าน ดิฉันขอถามว่า
1. ถ้าหย่ากัน
ดิฉันไม่แจ้งเรื่องบ้านได้ไหมเพราะเขาแบ่งเงินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
2. ดิฉันสามารถฟ้องหย่าได้ไหม
เพราะทุกวันนี้ดิฉันเงินเดือนแทบไม่เหลือเพราะต้องรับผิดชอบลูกและหนี้สินสหกรณ์คนเดียว
เขาไม่เคยช่วยเหลือเลย บางครั้งยังให้ลูกมาเอาเงินจากดิฉันอีก ลูกสงสารเขามาก
เพราะเขาออกจากงานบ้าง โดนไล่ออกบ้าง เพราะกินเหล้ามากแล้วป่วยเข้ารพ. แต่ก็ยังเห็นแก่ตัว
ข้าวของในบ้าน ตอนย้ายก็ขนไปหมด ไม่แบ่งให้ดิฉันเลย
3. ค่าใช้จ่ายในการฟ้องหย่าเท่าไร
รวมทั้งค่าทนายความ
4. ดิฉันจะได้ดูแลลูกอีกต่อไปไหมหลังการหย่า
เพราะเขามีอาชีพไม่แน่นอน
5. เขาจะไปทำงานที่กรุงเทพฯ
ถ้าฟ้องหย่าจะมีปัญหาเรื่องที่อยู่หรือไม่
6. ถ้าเขาไม่มาติดต่อตามใบแจ้งของศาล
การหย่าจะมีผลอย่างไร
คำแนะนำอาจารย์เดชา
1. สามีภรรยาถ้าหย่ากันขาด
สินสมรสต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ถ้าไม่อยากแจ้งเรื่องบ้านก็ควรจะบันทึกไว้หลังบันทึกการหย่าในขณะที่มีการหย่าขาดจากกัน
2. ถ้ามีการสมัครใจแยกกันอยู่กว่า 3 ปี คู่สมรสสามารถฟ้องหย่าได้ทันที
3. ค่าทนายความในการฟ้องหย่าขึ้นอยู่กับการตกลงกับทนายความ
4. อำนาจปกครองบุตร
ศาลเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตร
5. การฟ้องหย่าถึงแม้จำเลยย้ายที่อยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
6. คดีหย่าเป็นคดีครอบครัวและเป็นคดีทางแพ่ง
จำเลยไม่จำเป็นต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าศาล ถ้าจำเลยไม่มาศาล
ศาลจะพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้หย่าขาด