การค้นของตำรวจในคดีอาญาและคดียาเสพติด|การค้นของตำรวจในคดีอาญาและคดียาเสพติด

การค้นของตำรวจในคดีอาญาและคดียาเสพติด

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

การค้นของตำรวจในคดีอาญาและคดียาเสพติด

การค้นของตำรวจในคดีอาญาและคดียาเสพติด

บทความวันที่ 8 มี.ค. 2555, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 32866 ครั้ง


การค้นของตำรวจในคดีอาญาและคดียาเสพติด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4958/2551
    แม้เจ้าพนักงานตำรวจจะมิได้ดำเนินการขอหมายค้นจากศาลชั้นต้นก่อนเข้าตรวจค้นบ้านจำเลยก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนที่หน้าบ้านจำเลย และเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมได้แอบซุ่มดูและเห็นเหตุการณ์การล่อซื้อดังกล่าว จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมจำเลย เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานตำรวจพบเห็นการกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นความผิดซึ่งหน้า และการตรวจค้นจับกุมได้กระทำต่อเนื่องกัน เจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าตรวจค้นบ้านจำเลยได้โดยไม่จำต้องมีหมายค้นตาม ป.วิ.อ. มาตรา 92 (2) (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2544
    สิบตำรวจโท ช. สืบทราบว่าบ้านของจำเลยเป็นแหล่งลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษก็ได้ใช้วิธีซุ่มดูพฤติการณ์ของจำเลย เมื่อเห็นจำเลยขุดบริเวณแปลงผักและนำสิ่งของใส่ในหลุมที่ขุดแล้วกลบไว้ จึงใช้วิทยุสื่อสารเรียกเจ้าพนักงานตำรวจที่รออยู่ให้ไปที่เกิดเหตุและได้ออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อขอตรวจค้น เมื่อใช้จอบขุดบริเวณที่จำเลยกลบไว้ก็พบเมทแอมเฟตามีน กรณีดังกล่าวถือได้ว่ามีเหตุสงสัยตามสมควรว่าสิ่งของที่ได้มาโดยการกระทำผิดได้ซ่อนอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ประกอบทั้งมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายเสียก่อน แม้สิบตำรวจโท ช. กับพวกเข้าค้นโดยไม่มีหมายค้นก็สามารถกระทำได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7387/2543
    ข้อยกเว้นการค้นในที่รโหฐานโดยไม่ต้องมีคำสั่งหรือหมายค้น ของศาลว่า "ทั้งนี้ตามกฎหมายบัญญัติ" ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ มาตรา 238 นั้น มิใช่จะต้องมีการออกกฎหมายบัญญัติขึ้นใช้ในภายหลังจากกฎหมายรัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับแล้ว เท่านั้นเนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ มาตรา 6 บัญญัติว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมายกฎ หรือข้อบังคับขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับ มิได้ จึงเห็นได้ว่าบทบัญญัติดังกล่าวรับรองให้กฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ ที่มีอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ถ้าโดยเนื้อหาไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ นี้แล้วก็ยังมีผลใช้บังคับได้ต่อไป ดังนั้น บทบัญญัติเรื่องการค้นในที่รโหฐานในกรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนย่อมใช้บังคับต่อไปได้
    ก่อนการค้นบ้านผู้ต้องหาครั้งนี้ เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุม ท. พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 95 เม็ดในเวลา 16 นาฬิกาเศษ การค้นในที่รโหฐานตามปกติจะต้องกระทำในเวลากลางวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 96 ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นใกล้จะมืดแล้ว ประกอบกับยาเสพติดเป็นสิ่งของที่ขนย้ายหลบหนีได้ง่ายโดยเฉพาะในเวลากลางคืน นอกจากนี้สถานีตำรวจอำเภอห้างฉัตรมิได้อยู่ ใกล้กับศาลชั้นต้น การไปขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายค้นย่อมทำให้เนิ่นช้า กว่าจะเอาหมายค้นมาได้เมทแอมเฟตามีนอาจจะถูกโยกย้ายเสียก่อนแล้ว ดังนั้น จึงเข้าข้อยกเว้นให้ค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นของศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2543
    ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโจทก์ไม่มีพยานนำสืบให้ชัดแจ้งว่า จำเลยมีพฤติการณ์ในการจำหน่ายประการใดบ้าง ส่วนคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ทั้งจำเลยก็ได้ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา จึงไม่อาจอาศัยมาฟังลงโทษจำเลยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความผิดที่มีโทษฉกรรจ์ ซึ่งตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำพยานเข้าสืบประกอบ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
    เจ้าพนักงานผู้จับกุมได้พบตัวจำเลยขณะขับรถโดยสารประจำทางจึงได้ติดตามไปทำการจับกุมและตรวจค้นในทันทีทันใด ที่จำเลยขับรถเข้าไปจอดในอู่รถโดยสารประจำทาง มิฉะนั้น จำเลยย่อมหลบหนีหรือเคลื่อนย้ายยาเสพติดให้โทษของกลางไปได้ เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานผู้จับกุมสามารถค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92(4)
    ที่จำเลยฎีกาว่า มีปัญหาส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้จับกุมด้วย ก็มิได้ปรากฏว่า มีข้อเท็จจริงใด ๆ เป็นการยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้นั้นคือใครและได้กระทำการอันมิชอบแต่ประการใด จึงไม่เป็นสาระที่จะเปลี่ยนแปลงผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2536
    คำว่า "เจ้าบ้าน" ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92(5) หมายความถึงผู้เป็นหัวหน้าของบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นและรวมตลอดถึงคู่สมรสของผู้เป็นหัวหน้าเท่านั้นเพราะบุคคลดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการครอบครองบ้านและปกครองผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้น หาได้รวมถึงผู้อยู่ในบ้านทุกคนไม่ ตามทะเบียนบ้านหลังเกิดเหตุมี บ. บิดาจำเลยเป็นหัวหน้ามีชื่อจำเลยอยู่ในฐานะเป็นบุตร จำเลยจึงมิได้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าบ้านตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(5) การที่ผู้เสียหายกับพวกเข้าไปจับกุมจำเลยในบ้านดังกล่าวตามหมายจับแต่ไม่มีหมายค้น ทั้งผู้เสียหายกับพวกมิใช่เจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่จะทำการค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น จึงเป็นการจับกุมโดยไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 81 และเป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจ จำเลยจึงชอบที่จะป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการจับกุมโดยไม่ชอบเช่นนั้นได้หากจำเลยจะชกต่อยผู้เสียหายจริงก็เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ และไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่และทำร้ายร่างกาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4461/2540
    จ่าสิบตำรวจ ส. และร้อยตำรวจเอก ป.จับจำเลยได้ ขณะที่จำเลยกำลังขายวัตถุออกฤทธิ์ให้แก่จ่าสิบตำรวจ ส. ผู้ล่อซื้อ ถือว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าขณะนั้นธนบัตรที่ใช้ล่อซื้ออยู่ที่จำเลยและจำเลยดิ้นรนต่อสู้ ถ้าปล่อยให้เนิ่นช้ากว่าจะนำหมายจับและหมายค้นมาได้ จำเลยอาจหลบหนีและพยานหลักฐานอาจสูญหายจึงเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง จ่าสิบตำรวจ ส. และร้อยตำรวจเอกป.จึงมีอำนาจเข้าไปในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุอันเป็นที่รโหฐานในเวลากลางคืนโดยไม่ต้องมีหมายค้น และมีอำนาจจับจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดได้โดยไม่ต้องมีหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 80,81 ประกอบมาตรา 92(2) และมาตรา 96(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4950/2540
    ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ไม่ได้กระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยอ้างเหตุพยานโจทก์ที่นำสืบมาฟังไม่ได้ว่าอาวุธปืนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ใช้ยิงได้หรือไม่จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นอาวุธปืนตามกฎหมาย จำเลยที่ 1จึงไม่มีความผิดนั้น ปัญหาว่าอาวุธปืนใช้ยิงได้หรือไม่เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ปัญหาตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยอ้างเหตุว่าขณะที่เจ้าพนักงานเข้าตรวจค้นและจับกุมพวกลักลอบเล่นการพนันนั้นเจ้าพนักงานตำรวจไม่มีหมายค้นและหมายจับ จึงไม่อาจตรวจค้นและจับกุมได้ จำเลยที่ 1 ขัดขวางการจับกุมไม่เป็นความผิด แม้ปัญหานี้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ที่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 ในขณะเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาลักลอบเล่นการพนันเจ้าพนักงานตำรวจไม่มีหมายค้นและหมายจับ แต่เห็นว่าการเล่นการพนันเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าหากไม่เข้าตรวจค้นและจับกุมทันทีตามที่พลเมืองดีแจ้ง ผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปได้เป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่ง จึงตรวจค้นในเวลากลางคืนได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92(2) ประกอบด้วยมาตรา 96(2) การกระทำของเจ้าพนักงานตำรวจเป็นการตรวจค้นและจับกุมผู้เล่นการพนันโดยชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยที่ 1 ขัดขวางการจับกุมโดยใช้มือดึงผู้เล่นการพนันให้ออกไป จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคหนึ่ง การปรับบทความผิดและลงโทษจำเลยที่ 1 เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดถึงจำเลยที่ 2 ด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2492
    ความผิดซึ่งหน้าได้กระทำขึ้นในที่รโหฐาน กำนันเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองมีอำนาจที่จับผู้กระทำผิดตามความในมาตรา 78(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยไม่มีหมายจับ และมีอำนาจที่จะเข้าค้นจับในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้นตามมาตรา 92 ได้
    โจทก์กับพวกได้สมคบกันต้มกลั่นสุราเถื่อนในเวลากลางคืนจำเลยเป็นกำนันปกครองท้องที่ กับพวกได้ไปแอบดู เห็นโจทก์กับพวกกำลังต้มกลั่นสุราเถื่อนอยู่ในบ้าน จึงพากันเข้าไปจับกุม ดังนี้ นับว่าเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งตามมาตรา 96(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาถึงแม้เป็นเวลาค่ำคืน จำเลยก็กระทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2507

    การจับในที่รโหฐาน ในเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายจับนั้นเมื่อพฤติการณ์ปรากฏว่าความผิดซึ่งหน้าซึ่งจำเลยผู้ถูกจับได้กระทำแล้วหลบหนีเข้าไปเป็นเพียงความผิดฐานลหุโทษตำรวจผู้จับรู้จักจำเลยและหลักแหล่งของจำเลยมาก่อนทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยจะหลบหนีต่อไปเช่นนี้ ก็ไม่เป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 96(2) จ่าสิบตำรวจ สิบตำรวจโท และพลตำรวจจึงไม่มีอำนาจเข้าไปจับ การเข้าไปจับโดยไม่มีอำนาจเช่นนี้จำเลยย่อมกระทำการป้องกันได้และเมื่อไม่เกินสมควรแก่เหตุ จำเลยก็ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2516
    การบรรยายฟ้องเกี่ยวแก่การกระทำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หาได้บัญญัติว่าต้องใช้ถ้อยคำของกฎหมายไม่ โจทก์จะบรรยายถ้อยคำอย่างใดพอให้เข้าใจได้ว่า จำเลยได้กระทำการที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดก็ใช้ได้
    ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 และ มาตรา 295 โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า "จำเลยมีจิตคิดร้ายเจตนากลั่นแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันจับมือขา กระชากและเตะโจทก์ ใส่กุญแจมือโจทก์ไพล่หลังจนโจทก์มีบาดแผลและทั้งควบคุมโจทก์ไว้ 2 คืน โจทก์ได้รับความเสียหาย" ข้อความดังกล่าวเข้าใจได้ดีแล้วว่า พฤติการณ์ที่จำเลยกระทำต่อโจทก์นั้น เป็นการที่จำเลยได้ข่มขืนใจให้โจทก์ต้องจำยอมต่อการกระทำของจำเลย โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพของโจทก์ และการที่จำเลยจับมือ ขา กระชากและเตะโจทก์จนมีบาดแผล ถือได้ว่าเป็นการประทุษร้ายให้เกิดอันตรายแก่กายเพราะการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นผิด จึงเป็น ฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว
    ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มิได้ยกเลิกไปเสียทีเดียวเพียงแต่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 13 และยังคงเป็นบทบังคับอยู่เช่นเดิม แม้ฟ้องโจทก์อ้างแต่พระราชบัญญัติและมาตราเดิมไม่อ้างกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นบทลงโทษก็ใช้ได้ ถือว่าเป็นหน้าที่ของศาลต้องรู้เองศาลย่อมมีอำนาจลงโทษตามมาตรา 157 ที่แก้ไขได้
    โจทก์ได้กระทำผิดซึ่งหน้า แต่ความผิดที่โจทก์กระทำเป็นแต่เพียงความผิดฐานลหุโทษ ฐานฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์เก็บค่าดูจากประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทุกคนรู้จักหลักแหล่งของโจทก์แล้ว จึงไม่เป็นเหตุให้ถือว่าเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 96(2) การที่จำเลยทั้งหมดผู้เป็นเจ้าพนักงานไปทำการจับกุมโจทก์ในที่รโหฐานในเวลากลางคืนโดยไม่มีหมาย จึงไม่มีอำนาจที่จะทำได้ตามกฎหมาย โจทก์มีสิทธิป้องกันการจับกุมได้ และการที่จำเลยทั้งหมดควบคุมโจทก์จากโรงภาพยนตร์ไปสถานีตำรวจ ถือได้ว่าเป็นการหน่วงเหนี่ยวโจทก์ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2546
    เจ้าพนักงานตำรวจได้ขอความยินยอมจาก น. มารดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุก่อนทำการค้น แสดงว่าการค้นกระทำขึ้นโดยอาศัยอำนาจความยินยอมของน. แม้การค้นจะกระทำโดยไม่มีหมายค้นที่ออกโดยศาลอนุญาตให้ค้นได้ ก็หาได้เป็นการค้นโดยมิชอบไม่ นอกจากนี้ก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินการค้นได้เห็นจำเลยซึ่งอยู่ในห้องนอนโยนเมทแอมเฟตามีนออกไปนอกหน้าต่าง อันเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยกำลังกระทำความผิด ซึ่งหน้าและได้กระทำลงในที่รโหฐาน เจ้าพนักงานตำรวจย่อมมีอำนาจจับจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(1),92(2) เมทแอมเฟตามีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จึงนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 10

ไม่เห็นมีใครมาตอบเลยเข้าไปอ่านกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดหรือการค้นเคหะสถานเองเลยค่ะ, นี้ก็อ่านมาเท่าที่ทราบถ้าไม่มีหมายค้นยังไงก็ค้นไม่ได้นอกจากจะมีบัตรปปส.และเจ้าพนักงานระดับคณะสัญญาบัตรเท่านั้น, เวลาที่เขามาขอค้นเรามีสิทธิ์ที่จะถามว่าค้นอะไรและขอดูหมายค้นหรือบัตรปปส.ค่ะ. 

กรณีตรวจฉี่ถ้าเราไม่ยินยอมก็ตรวจไม่ได้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีแบบฟอร์มให้เซ็นยินยอมถ้าเราไม่เซ็นก็ตรวจไม่ได้.

โปรดชี้แจงถ้าผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนในข้อมูลประการใด.
โดยคุณ Angkana 8 ก.ค. 2562, 02:19

ความคิดเห็นที่ 9

สมมุติน่ะค่ะว่า(นายเอ)โดนจับข้อหามีอาวุทไว้ครอบครอง

แต่นายบีเปนเจ้าของที่อยากทราบว่าเราจะโดนข้อหาอะไรค่ะ

ขอความเห็นใจหน่อยค่ะ แล้วจะมีหมายศาลได้ไมค่ะ

โดยคุณ ไม่ขอแจ้งชื่อค่ะ 15 ม.ค. 2559, 15:37

ความคิดเห็นที่ 8

ในคอนโดเกิดควันเป็นเหตุให้มีการพังประตูเข้ามาแต่ไม่มีอะไรพบผมซึ่งอยู่อาศัยอยู่และให้ผมออกไปข้างนอกสถานที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ15นาทีโดยประมาณกลับเข้ามาได้เชิญตัวไปส.นและให้ผมแต่งตัวและทำการค้นพบยาเสพติดในกระเป๋าหลัง(ทั้งทียังไม่ทันได้ค้น)ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าได้พบที่ตัวผมครับผมโดนข้อหาจำหน่ายยาเสพติดครับ อาจารย์และทางคณะว่าความว่าผมควรทำอย่างไรในชั้นบันทึกและสอบสวนผมได้เซ็นรับทราบไปทั้งหมด ในชั้นศาลผมปฏิเสธครับแล้วผมจะจ้างทีมทนายว่าความจากทางคณาจารย์ได้มัยครับและต้องเตรียมอะไรในเบื้องต้นและศาลนัดสืบพยานอีกที14มีนาคม2559ครับ ที่สำคัญมีผมเห็นว่าเค้ายัดยาเสพติดอยู่คนเดียวเพราะเค้าคนข้างหลังผมเป็นลำดับแรกครับ อย่างไรผมขอความหวังเกิดขึ้นต่อจากนี้ด้วยครับขอบคุณครับที่พิจารณา

โดยคุณ นวพล 4 ธ.ค. 2558, 21:28

ความคิดเห็นที่ 7

 รบกวนอยากทราบค้ะ ถ้าเจ้าหน้าที่มีหมายมาค้น แต่ไม่พบอะไรเรย เราจะฟ้องอะไรได้บ้างค้ะ เพราะคนอื่นเขาก้มองเราไปในทางที่ไม่ดี ทำให้เราอับอายด้วค้ะ ขอบคุณค้ะ

โดยคุณ พิช 28 ต.ค. 2558, 12:56

ความคิดเห็นที่ 6

 ถ้ามีตำรวจมาล่อซื้อยาในโรงแรม  โดยที่ไม่แจ้งเจ้าของโรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะผิดมั้ยค่ะ หมายศาลก็ไม่มี ถ้ามีใครรู้ช่วยตอบหน่อยนะคะ

โดยคุณ BuNYatIDa 24 พ.ค. 2558, 15:58

ความคิดเห็นที่ 5

 สวัสดีครับ คือ ผมอยากทราบว่า สมมุติว่าเราโดนจับข้อหา "ขับเสพ"แล้วเราอยู่ในช่วงคุมความประพฤติ

แล้วเราไม่ได้ไปทำการรายงานตัวต่อสถานคุมประพฤติจนครบ ผมอยากทราบว่าแล้วมันจะยังเป็นคดีความอยู่อีกรึปล่าวครับ แล้วมันเป็นคดีอาญาหรือไม่ พอดีมีหมายศาลส่งมาที่บ้านว่าศาลฟ้องโจทร์นี้ในคดีอาญาครับแล้วเราจะมีวิธีแก้ไขยังไงครับ ขอคำแนะนำด้วยนะครับ...ขอบพระคุณอย่างสูง

โดยคุณ ดิเรก อาลัยกลาง 30 ก.ย. 2557, 20:38

ความคิดเห็นที่ 4

  วันก่อนอยู่ๆก็มีนายตำรวจ กับนายดาบ  รวม 2 นาย นำหมายศาลมาขอค้นที่บ้านผม โดยระบุว่า นายเอ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ได้มีสารเสพติดซุกซ่อนอยู่ในบ้าน บ้านผมเป็นร้านค้าตึกริมถนน ส่วนตัวผมก็ไม่เคยมีประวัติโดนจับเรื่องค้ายาเสพติด แล้วตำรวจพอค้นก็ไม่เจออะไร เลยบอกจะนำตัวผมไปตรวจฉี่ที่ รพ  

  แล้วหมายศาลที่ออกมาตราประทับที่หมาย ประทับอยู่ข้างล่างตรงชื่อ ผมอยากทราบว่าตราประทับของศาลไม่ได้อยู่ข้างบนเหรอครับ 

  แล้วตำรวจมีสิทธิ์นำตัวผมไปตรวจฉี่ที่ รพ ได้หรือปล่าวคับ 

  แล้วเรื่องแค่ว่ามีคนแจ้งว่า นายเอ อยู่บ้านหลังนี้มีสารเสพติด ตำรวจมีสิทธิ์ไปขอหมายศาลได้เลยเหรอ

  แล้วเรื่องที่มีคนแจ้งไว้แบบนี้ ไม่รู้เลยว่าจริงหรือไม่จริง ศาลออกหมายค้นได้เลยเหรอครับ

  แล้วถ้าค้นไม่เจออะไร เรามีสิทธิ์ที่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจได้หรือไม่ 

โดยคุณ นายกฤษฎธนัฐ แสงชีวิน 21 ก.พ. 2557, 04:34

ความคิดเห็นที่ 3

ผมนอนดู tv อยู่ที่บ้านคนเดียว พ่อกับแม่ไปขายของ อยู่ๆตำรวจเข้าคั้นหายาเสพติดในบ้านโดยไม่มีเอกสารใดๆ ไม่แจ้งเจ้าบ้านทั้งที่เจ้าเดินผ่านมาพอดีแต่บอกเจ้าบ้านว่ามาซื้อไก่ พอตำรวจค้นเสร็จเค้าก็ไปโดยที่ไม่เจออะไร  ผม งง มากกกกกกกกกก กรณีแบบนี้สามารถฟ้องกลับฐาน บุกรุก ได้หรือไม่ อย่างไร                    ขอบคุณ ที่อ่านความคิดของผม  

โดยคุณ apisit 30 พ.ค. 2556, 20:43

ความคิดเห็นที่ 2

อยากทราบว่าอยู่ ๆ ตำรวจก็มาค้นบ้าน มากันเยอะมาก แล้วก็บอกว่าขยายผล ซึ่ง ณ เวลานั้นดิฉันไม่ได้อยู่ที่บ้าน มีสามีอยู่ แต่ห้องนอนดิฉันล็อกไว้ ลูกกุญแจก็อยู่ที่ดิฉัน ตำรวจจะค้นแต่ไม่มีลูกกุญแจ ตำรวจจึงปีนหน้าต่างเข้าห้องดิฉันไป ดิฉันจึงไม่เข้าใจว่าที่บ้านดิฉันทำผิดอะไร แล้วตำรวจต้องการจะเข้ามาค้นหาอะไร หมายค้นไม่มีแจ้ง แล้วก็ไม่ได้บอกว่าข้อหาอะไร ยังไง  งง  ค่ะ

ตำรวจมากันหลายคนเลย สามีดิฉันอยู่ที่บ้านคนเดียว คือพักกลางวัน ก็เข้ามาดูช่างที่กะลังต่อเติมบ้านอ่ะค่ะ  เป็นอย่างนี้แล้วจะทำยังไงได้บ้างคะ (สามีดิฉันดูไม่ทั่วหรอกค่ะว่าตำรวจท่านไหนจะแอบหยิบอะไร หรือวางอะไรไว้ให้มั่ง)

ใครมีความรู้ ช่วยบอกหน่อยนะคะ ว่าควรทำอย่างไรดี 

โดยคุณ ออกัส 31 ต.ค. 2555, 15:45

ความคิดเห็นที่ 1

อยากทราบว่า ถ้าเกิดว่า เรานั่งรถทัวร์กลับบ้านแต่ระหว่างทาง เราโดนค้น ข้อหา มียาเสพติดไว้ในครอบครอง แต่ความจริงแล้ว เรบริสุทธิ์ เราไม่ได้มียาเสพติดไว้ในครอบครอง ตำรวจที่เข้ามาค้น มีความผิดหรือไม่ และเราสามารถฟ้องกลับได้หรือไม่

โดยคุณ 16 ก.ย. 2555, 19:19

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก