ความรับผิดในการโพสต์ข้อความทางออนไลน์
ปัจจุบันมีคดีความหมิ่นประมาททางออนไลน์เป็นจำนวนมาก หลายคนคิดว่าการด่าผู้อื่นทางเฟสบุ๊ค หรือการแสดงความคิดเห็นตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่ต้องรับผิดชอบและฟังว่าเป็นเรื่องยากในการจับกุม ผมขอเรียนว่าการโพสต์ข้อความตามออนไลน์มีความผิดตามกฎหมายอาญาและพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษจำคุกถึง 5 ปี และการจับกุมก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสามารถตรวจสอบไอพีแอสเดรสได้ ที่ผ่านมามีกรณีศึกษาเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น
1. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถวายพระพรในวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ แต่โพสต์รูปรัชการที่ 8 ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแม้ว่านายกรัฐมนตรีและทีมงานจะยอมรับ แต่เป็นเรื่องที่กระทบไปยังความรู้สึกของประชาชน และความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อตัวนายกรัฐมนตรีด้วย
2. นายเสกสรร ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ นักร้องชื่อดังถูกอดีตภรรยานำภาพพฤติกรรมการพี้ยาของนักร้องดัง มานำเสนอทางเฟสบุ๊ค เพราะทนกับพฤติกรรมที่ติดยาอย่างหนักและทำร้ายร่างกายภรรยา จนเป็นเหตุให้ต้องหย่าร้างกันเนื่องจากพฤติกรรมของนักร้องดังไม่ไหว
3. นางสาวสายธาร นิยมกาญจน์ หรือต่าย นำภาพของตนเองที่ถูกแฟนเก่า ทำร้ายร่างกายเพราะเข้าไปนำโน๊คบุ๊คที่มีภาพเปลือยของตนออกมาจากบ้านของแฟนเก่า นำภาพถูกทำร้ายร่างกาย สภาพรอยฟกช้ำตามร่างกาย ออกมาประสานแฟนเก่าทางเฟสบุ๊ค มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
4. พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถูกพนักงานคู่อริแอบถ่ายภาพขณะตนเองกำลังนั่งหลับในเวลางาน มาลงเฟสบุ๊ค มีเพื่อนร่วมงานมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และวิจารณ์ในทางเสียหาย
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14
มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด
ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย