การต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียง|การต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียง

การต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียง

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

การต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียง

ทนายคลายทุกข์ขอนำบทความ โดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมและสนับสนุน ดำเนินการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง

บทความวันที่ 30 พ.ค. 2554, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 9007 ครั้ง


 

การต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียง

                 ทนายคลายทุกข์ขอนำบทความ โดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมและสนับสนุน  ดำเนินการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง เรื่อง การต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียงมานำเสนอเพื่อประโยชน์แก่ผู้อ่าน ถึงความสำคัญและความจำเป็น
               ประเทศไทยได้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 แต่การบริหารการปกครองของประเทศไทยก็ยังคงมีปัญหาการบริหารงานของรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่ามีการบริหารที่ไม่โปร่งใส ทุจริต แสวงหาประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง อันนำไปสู่วิกฤตของชาติเป็นระยะๆหลายครั้ง โดยสาเหตุที่สำคัญน่าจะเกิดจากการเลือกผู้แทนเข้าไปบริหารประเทศหรือไปทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติยังไม่ได้คนดี คนที่มุ่งต่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง การเลือกตั้งยังมีการซื้อสิทธิขายเสียงซึ่งบุคคลที่ซื้อสิทธิเมื่อได้รับเลือกตั้งเข้าไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือไปทำหน้าที่บริหารประเทศก็จะไปแสวงหาประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้องเป็นจำนวนเงินมากกว่าที่พวกเขาใช้ซื้อสิทธิหลายร้อยหลายพันหรือหลายหมื่นหลายแสนเท่า
               หากปล่อยให้การซื้อสิทธิขายเสียงยังคงให้เกิดขึ้นต่อไปก็จะนำไปสู่ความอ่อนแอของระบบการบริหารของประเทศ และทำให้กระบวนการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจอ่อนแอตามไปด้วย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนไทยทุกคนในทุกสาขาวิชาชีพและในทุกภูมิภาคของประเทศจะต้องร่วมแรงรวมใจกันสอดส่องดูแลเพื่อมิให้มีการซื้อสิทธิขายเสียงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ซึ่งประชาชนชาวไทยทุกคนจะต้องร่วมต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียง เพื่อให้การเลือกตั้งในครั้งนี้นำพาประเทศไทยไปสู่การมีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขที่มั่นคงและยั่งยืน

บทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามมิให้ซื้อสิทธิขายเสียง
               บทบัญญัติของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 ได้บัญญัติเกี่ยวกับการห้ามซื้อสิทธิของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ ดังนี้
           มาตรา 53 “ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
               (1) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ แก่ผู้ใด
               (2) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถาบันการศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด
               (3) ทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ
               (4) เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด
               (5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด
               ทั้งนี้ ตามข้อห้ามใน (1) และ (2) ดังกล่าวข้างต้นหากผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้หนึ่งผู้ใดกระทำความผิดดังกล่าว กฎหมายยังจะถือว่าเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้
               มาตรา 137 บัญญัติให้ผู้ที่กระทำผิดตามมาตรา 53 ดังกล่าวข้างต้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปีและเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษผู้กระทำการฝ่าฝืนให้ศาลสั่งจ่ายสินบนนำจับไม่เกินกึ่งหนึ่งจากจำนวนเงินค่าปรับแก่ผู้แจ้งความนำจับ
               มาตรา 77 ประกอบกับมาตรา 152 ห้ามมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดเรียก รับ หรือยอมที่จะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อลงคะแนนเลือกตั้งหรืองดเว้นไม่ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ซึ่งหากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี แต่หากแจ้งถึงการกระทำดังกล่าวต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมาย ก่อนหรือในวันเลือกตั้ง หรือภายหลังวันเลือกตั้งไม่เกินเจ็ดวัน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษและไม่ต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

แนวทางการต่อต้านการซื้อสิทธิขายเสียง
               การต่อต้านหรือการป้องกันมิให้มีการซื้อสิทธิขายเสียงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจกันของพี่น้องประชาชนไทยทุกคนในทุกพื้นที่ของประเทศ ดังนี้
               (1) ประชาชนชาวไทยทุกคนต้องตระหนักร่วมกันว่าหากปล่อยให้มีการซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้นย่อมจะนำไปสู่การมีรัฐบาลที่ทุจริต มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของส่วนรวม การบริหารงานของรัฐบาลก็จะสร้างหรือทำให้เกิดผลเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะกลางและระยะยาว
               (2) การที่จะทำให้ประชาชนไทยทุกคนตระหนักในเรื่องดังกล่าวแล้วนั้นจำเป็น
อย่างยิ่งที่จะต้องเริ่มจากคนที่ใกล้ชิดที่สุดในครอบครัว โดยการบอกกล่าว พูดคุยในครอบครัว และขยายความคิดไปในวงกว้างมากที่สุด
               (3) ประชาชนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันสอดส่องเมื่อได้พบเห็นหรือทราบเบาะแสว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้น ณ ที่ใด ก็ขอให้แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป
               (4) เมื่อได้รับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียงที่ผิดที่ไม่ถูกต้อง เช่น อาจจะมีประชาชนบางส่วนที่เห็นว่าการรับเงินหรือสิ่งของจากผู้สมัครเพื่อจูงใจให้ไปใช้สิทธิเลือกบุคคลเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ผิด ก็สมควรที่จะได้แนะนำให้ประชาชนเหล่านั้นให้ทราบและคิดเสียใหม่ว่าการยอมขายเสียงโดยแลกกับเงินทองหรือสิ่งของจำนวนหนึ่งนั้น สิ่งที่ประชาชนได้รับจะไม่คุ้มกับสิ่งที่ประเทศชาติหรือสังคมโดยรวมได้รับความเสียหาย รวมทั้งกฎหมายในปัจจุบันได้บัญญัติให้ผู้ซึ่งขายเสียงก็มีความผิดตามกฎหมายด้วย เว้นแต่ว่าผู้ซึ่งรับเงินหรือสิ่งของนั้นได้แจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือผู้ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมายได้ทราบทันทีหรืออย่างช้าภายหลังวันเลือกตั้งไม่เกินเจ็ดวัน จึงจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด
 
 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก