คดีขโมยบัตรเครดิต
เรื่องเกิดปี 52 พอดีตอนนั้นแฟนเป็นแคชเชียร์ แล้วลูกค้าลืมบัตรเครดิต แฟนเลยเอากลับมาด้วย และแม่แฟนได้นำไปใช้เป็นจำนวน 12,000 บาทวันนี้แฟนได้ถูกจับกุม โดยมีหมายจับออกเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 53 และโดยมีข้อกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อความเสียหายแก่ผู้อื่น ปลอมเอกสารสิทธิและการใช้เอกสารสิทธิ ปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
ตอนจับกุมแฟนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตอนนี้กำลังจะประกันตัว คืออยากจะถามว่า ถ้าหากแฟนรับสารภาพว่าขโมยบัตรไปจริง แต่ไม่ได้เป็นคนใช้บัตร และยินยอมใช้หนี้จำนวน 12000 บาทให้ จะต้องรับโทษข้อหาอะไรบ้าง จำคุกกี่ปี แฟนไม่เคยมีคดีอะไรเลย คดีนี้เป็นคดีแรก มีโอกาสไม่ติดคุกไหม
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
1. กรณีที่แฟนรับสารภาพว่าได้กระทำความผิด โดยยินยอมชดใช้เงินคืนแก่เจ้าของบัตรผู้ต้องเสียหาย ย่อมเป็นการรู้ความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น เข้าเป็นเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมายที่ศาลมีอำนาจลดโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้น ตาม ป.อ.มาตรา 78
2. หากศาลเห็นเป็นการสมควรลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และไม่ปรากฎว่าแฟนของท่านได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ปล่อยตัวไปได้ ตาม ป.อ.มาตรา 56
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 56 ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ เมื่อศาลได้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิดหรือเหตุอื่นอันควรปรานีแล้ว เห็นเป็นการสมควร ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้น มีความผิดแต่รอการกำหนดโทษไว้หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้แล้วปล่อยตัวไป เพื่อให้โอกาสผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนด แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้
เงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำความผิดนั้น ศาลอาจกำหนดข้อเดียว
หรือหลายข้อ ดังต่อไปนี้
(1) ให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานที่ศาลระบุไว้เป็นครั้งคราว เพื่อเจ้าพนักงานจะได้สอบถาม แนะนำ ช่วยเหลือ หรือตักเตือนตามที่เห็นสมควรในเรื่องความประพฤติและการประกอบอาชีพ หรือจัดให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่เจ้าพนักงานและผู้กระทำความผิดเห็นสมควร
(2) ให้ฝึกหัดหรือทำงานอาชีพอันเป็นกิจจะลักษณะ
(3) ให้ละเว้นการคบหาสมาคมหรือการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก
(4) ให้ไปรับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติดให้โทษ ความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจ หรือความเจ็บป่วยอย่างอื่น ณ สถานที่และตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด
(5) เงื่อนไขอื่นๆ ตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดเพื่อแก้ไข ฟื้นฟู หรือป้องกันมิให้ผู้กระทำความผิดกระทำหรือมีโอกาสกระทำความผิดขึ้นอีก
เงื่อนไขตามที่ศาลได้กำหนดตามความในวรรคก่อนนั้น ถ้าภายหลังความปรากฏแก่ศาลตามคำขอของผู้กระทำความผิด ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้นั้น ผู้อนุบาลของผู้นั้น พนักงานอัยการหรือเจ้าพนักงานว่า พฤติการณ์ที่เกี่ยวแก่การควบคุมความประพฤติของผู้กระทำความผิดได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อศาลเห็นสมควรศาลอาจแก้ไขเพิ่มเติมหรือเพิกถอนข้อหนึ่งข้อใดเสียก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขข้อใด ตามที่กล่าวในวรรคก่อนที่ศาลยังมิได้กำหนดไว้เพิ่มเติมขึ้นอีกก็ได้
มาตรา 78 เมื่อปรากฏว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ไม่ว่าจะได้มีการเพิ่มหรือการลดโทษตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นแล้วหรือไม่ ถ้าศาลเห็นสมควรจะลดโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้นก็ได้
เหตุบรรเทาโทษนั้น ได้แก่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้โฉดเขลาเบาปัญญาตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีคุณความดีมาแต่ก่อน รู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานหรือให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา หรือเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ามีลักษณะทำนองเดียวกัน