คดีนี้เกิดขึ้นจากแม่ผมไปค้ำประกันบ้านให้หลาน โดยทำสัญญากับธนาคาร ต่อมาหลานคนนั้นไม่ชำระค่างวด

บทความวันที่ 29 มี.ค. 2554, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 967 ครั้ง

แม่ไปค้ำประกันบ้านธนาคารฟ้องและมีหมายศาลจะทำอย่างไร

            คดีนี้เกิดขึ้นจากแม่ผมไปค้ำประกันบ้านให้หลาน โดยทำสัญญากับธนาคาร ต่อมาหลานคนนั้นไม่ชำระค่างวด  ธนาคารแจ้งให้หลานไปชำระค่างวด แต่หลานแม่ผมก็นิ่งเฉย จนธนาคารฟ้องร้องคดี  และมีหมายศาลมาถึงแม่ผม โดยแม่ผมตกเป็นผู้ต้องหา  สิ่งที่ผมอยากทราบคือว่า
           1.แม่ผมฐานะยากจน ไม่มีเงินชดใช้ หรือแม้แต่จ้างทนาย จะมีช่องทางใดบ้างที่จะบรรเทาความเสียหาย
           2.หลานแม่ผมไม่ยอมชำระอย่างแน่นอน แล้วโจทก์หรือธนาคารจะมายึดบ้าน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีค่าสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ได้หรือไม่
           3.แม่ผมพูดว่าจะยกบ้านให้เป็นมรดกแก่ผม โดยที่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ ถ้าแม่ผมโอนให้ก่อนที่ธนาคารจะมายึดทรัพย์ จะเกิดผลกระทบกับบ้านที่โอนหลังมีหมายศาลมาถึง และแม่ผมยังต้องรับโทษใดบ้าง
          4.มีทางใดให้แม่ผมหลุดพ้นจากคดีนี้โดยไม่ต้องชดใช้ได้อย่างไร

คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
           1. หากแม่เป็นคนยากจนและไม่ได้รับความเป็นธรรมในทางคดี ก็สามารถติดต่อขอทนายความอาสาที่ศาลเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
           2. เมื่อแม่เป็นผู้ค้ำประกัน ยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์สินของแม่ชำระหนี้ได้
           3. ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาให้แก่แม่แพ้คดีชำระหนี้ตามคำพิพากษา แม่ยังไม่อยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา สามารถโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้ท่านได้ ไม่ต้องห้าม
          4. แม่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าลูกหนี้(หลาน) มีทางที่จะชำระหนี้ได้ และการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยาก หากแม่พิสูจน์ได้ เจ้าหนี้จะต้องบังคับการชำระหนี้รายนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้(หลาน)ก่อน ตาม ป.พ.พ.มาตรา 689 เว้นแต่คุณแม่จะยินยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมไว้ในสัญญาค้ำประกัน แม่จึงจะหมดสิทธิ์