พรากผู้เยาว์
สมาชิกพาหลานชายขอคำปรึกษาเรื่องหลานชายถูกข้อหาอนาจาร ซึ่งพ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกัน ส่งคนไปรุมทำร้าย ทนไม่ไหวผู้หญิงนัดให้มารับ ไปหางานทำและสร้างครอบครัว
นาย
เอ (นามสมมติ) เล่าว่า
ผมไปทำงานที่จังหวัดสระบุรี
และรู้จักกับหญิงคนหนึ่ง
เกิดรักชอบพอกัน
พ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกัน
อ้างว่ามีฐานะดีกว่า
ต้องการให้ลูกสาวคบกับคนรวย
ส่งพี่ชายฝ่ายหญิงมารุมกระทืบถึงห้อง
นายเอ กลัวจนต้องหนีกลับมาอยู่กับพ่อแม่ ฝ่ายหญิงโทรศัพท์ติดต่อนัดให้มารับเพื่อจะหนีออกจากบ้าน เก็บเอกสารการสมัครงานเพื่อไปหางานทำ
อยู่ด้วยกันประมาณ 7 เดือน ญาติฝ่ายหญิงตามพบ แจ้งตำรวจจับข้อหาอนาจาร นายเอบอกว่าผมรักเขา และเขาก็เต็มใจมาอยู่กับผม ผมต้องทำอย่างไรต่อไปครับ
คำแนะนำอาจารย์เดชา
คดีนี้เมื่อดูจากข้อเท็จจริงแล้วผู้ต้องหา
เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้เสียหายเมื่ออายุครบ 18 ปีแล้ว จึงไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์
ถึงแม้ว่าอายุจะไม่ถึง 18 ปี
แต่เป็นกรณีที่
เป็นการกระทำในบริเวณบ้านจำเลยนั้นเอง
จำเลยมิได้พาผู้เสียหายไปยังสถานที่อื่น กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยพรากผู้เสียหายจากความปกครองของผู้ปกครองตามคำพิพากษา
ฎีกา 1102/2545 และผู้เสียหายสมัครใจมากับผู้ต้องหา จึงไม่ถือว่าเป็นการพรากผู้เยาว์
นอกจากนี้จำเลยยังมิได้มีภริยาจึงอยู่ในสถานะที่จะเลี้ยงดูผู้เสียหายฉันสามีภริยาได้ และผู้เสียหายและจำเลยต่างก็รักใคร่ชอบพอกัน
ย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลยได้ว่าประสงค์ที่จะเลี้ยงดูผู้เสียหายเป็นภริยาพฤติการณ์ของจำเลยจึงมิใช่เป็นการพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร