ไถ่ถอนก่อนกำหนด
ไฟแนนซ์จะปรับร้อยละ 2 ของยอดเงินค้างชำระ
?
เมื่อวันที่
14 พฤษภาคม 2547
ข้าพเจ้าสมาชิกรหัส R 14858 ได้ไปกู้ยืมเงินจากบริษัท
เครดิตฟองซิเอร์ไทยเคหะ จำกัด?
เพื่อนำเงินมาทำธุรกิจ โดยข้าพเจ้าได้เอาบ้านพร้อมที่ดินไปจำนอง
โดยบริษัทที่ให้กู้ ให้เงินมา 7,000,000 บาท
?
โดยให้ข้าฯผ่อนคืนภายในระยะเวลา
20 ปี ผ่อนเป็นรายเดือน? ๆ ละ 50,000 บาท? ซึ่งข้าพเจ้าก็ผ่อนชำระแล้วเป็นเวลา 2
ปีเศษ
?
ต่อมาข้าพเจ้าไม่มีปัญญาที่จะใช้หนี้เป็นรายเดือนแล้ว
ซึ่งได้ค้างชำระค่างวดในปี 2548 อยู่ประมาณ
7 งวด จึงได้เข้าไปหาบริษัทให้กู้ เพื่อประนอมหนี้?
?
หลังจากนั้น
กลางปี 2549
ได้มีการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับบริษัทที่ให้กู้ โดยลดยอดผ่อนชำระรายเดือน
จากเดือนละ 50,000 บาท เหลือ เดือนละ 35,000 บาท ซึ่งให้เริ่มผ่อนชำระในเดือน กันยายน 2549
เป็นต้นไป
?
??????????? ปัจจุบันไม่มีปัญญาจะผ่อนชำระหนี้รายเดือน
จึงไปปรึกษาญาติพี่น้อง?
ญาติเลยให้ไปติดต่อกับเจ้าหนี้ แต่มีสัญญาอยู่ข้อหนึ่งเขียนว่า ?ผู้กู้ที่เลือกกู้แบบอัตราดอกเบี้ยคงที่จะไถ่ถอนจำนองก่อนครบกำหนดระยะเวลาคงที่ในแต่ละช่วงไม่ได้
หากผู้กู้ไถ่ถอนจำนองก่อนครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ผู้กู้จะต้องชำระค่าปรับเท่ากับอัตราร้อยละ
2.0 (สองจุดศูนย์) ต่อปี ของเงินต้นที่คงเหลือ
นับจากระยะเวลาคงเหลือที่ผูกพันอัตราดอกเบี้ยคงที่ช่วงหลังสุดจนถึงวันไถ่ถอนจำนอง???
?
??????????? จึงอยากถามว่า
ถ้าจ่ายเงินทั้งหมด?
โดยการไถ่ถอนที่ออกจากไฟแนนซ์ จะถูกปรับร้อยละ 2 หรือไม่
????? ข้อสัญญาเกี่ยวกับเรื่องค่าปรับในกรณีไถ่ถอนก่อนกำหนด
และต้องถูกปรับในอัตราร้อยละ 2 ของยอดเงินที่ค้างชำระ
ในความเห็นของผมเห็นว่า เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
พ.ศ. 2540?
มาตรา 4 ?กล่าวคือ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงให้ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนดและเป็นการเอาเปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร
เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ?ซึ่งผู้กู้สามารถยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้ศาลวินิจฉัยว่าข้อสัญญาหรือข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
และให้มีผลใช้บังคับเท่าที่เป็นธรรมและพอควรแก่กรณี
?
พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
พ.ศ. 2540? มาตรา 4 ซึ่งบัญญัติว่า?
??????????? ?ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า
หรือวิชาชีพ? หรือในสัญญาสำเร็จรูป ?หรือผู้ซื้อฝากได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและให้มีผลบับคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น
?
?
??????????? ในกรณีที่มีข้อสงสัย
ให้ตีความสัญญาสำเร็จรูปไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่ายซึ่งมิได้เป็นผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปนั้น
??????????? ข้อตกลงที่มีลักษณะหรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ
เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่าทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น
?
(1)?? ข้อตกลงยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญา
(2)?? ข้อตกลงให้ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด
(3)?? ข้อตกลงให้สัญญาสิ้นสุดลงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือให้สิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยอีกฝ่ายหนึ่งมิได้ผิดสัญญาในข้อสาระสำคัญ
(4)?? ข้อตกลงให้สัญญาสิ้นสุดลงโดยไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อหนึ่งข้อใด
หรือปฏิบัติตามสัญญาในระยะเวลาที่ล่าช้าได้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
(5)?? ข้อตกลงให้สิทธิคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเรียกร้องหรือกำหนดให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องรับภาระเพิ่มขึ้นมากกว่าภาระที่เป็นอยู่ในเวลาทำสัญญา
(6)?? ข้อตกลงในสัญญาขายฝากที่ผู้ซื้อฝากกำหนดราคาสินไถ่สูงกว่าราคาขายบวกอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละสิบห้าต่อปี
(7)?? ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่กำหนดราคาเช่าซื้อหรือกำหนดให้ผู้เช่าซื้อต้งรับภาระสูงเกินกว่าที่ควร
(8)?? ข้อตกลงในสัญญาบัตรเครดิตที่กำหนดให้ผู้บริโภคต้องชำระดอกเบี้ย
เบี้ยปรับ
ค่าใช้จ่ายหรือประโยชน์อื่นใดสูงเกินกว่าที่ควรในกรณีที่ผิดนัดหรือที่เกี่ยวเนื่องกับการผิดนัดชำระหนี้
(9)?? ข้อตกลงที่กำหนดวิธีคิดดอกเบี้ยทบต้นที่ทำให้ผู้บริโภคต้องรับภาระสูงเกินกว่าที่ควร
????? ในการพิจารณาข้อตกลงที่ทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งตามวรรคสาม
จะเป็นการได้เปรียบเกินสมควรหรือไม่ ให้นำมาตรา 10 มาใช้โดยอนุโลม?